เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 20 ก.ค.ที่สน.ดอนเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สุกฤต มังคละสวัสดิ์ ผกก.สน.ดอนเมือง พร้อมด้วย พ.ต.ท.อำนาจ ฉ่ำชะเอม รอง ผกก.สส.สน.ดอนเมือง พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง ควบคุมตัว นายเอกลักษณ์ ขุนพรหม หรือเอก สายเต๊าะ อายุ 42 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช เป็นช่างรับเหมาก่อสร้าง หลังช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา ถูกชุดสืบสวนนครบาล ร่วมกับ สน.ดอนเมือง นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 199/254 หมู่บ้านเดอะคอนเน็ค 57 ซอยเทิดราชัน 17 ถนนเทิคราชัน แขวงสีกัน เขตอนเมือง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบ้านของ "เอก สายเต๊าะ" เพื่อตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย โดยตรวจยึดของกลางอาวุธปืนยาว บีบีกัน 1 กระบอก และทรัพย์สินที่นายเอก ก่อเหตุชิงทรัพย์จาก รปภ.หมู่บ้าน เพื่อมาสอบปากคำ
นายสีครินทร์ คงจันทร์ อายุ 25 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน (รปภ.) ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งให้มาทำหน้าที่เฝ้าหมู่บ้านแห่งนี้ครั้งแรก ขณะเกิดเหตุเมื่อช่วงเวลาตี 4 ที่ผ่านมา โดยนายเอก เดินไปที่ป้อมยามชั่วครางของหมู่บ้าน และได้ต่อว่า รปภ.เรื่องไฟสปอตไลท์ ส่องไปที่บ้านของนายเอก ทำให้นายเอกนอนไม่ได้ โดยทาง รปภ.จึงบอกว่าเดี๋ยวจะปิดให้ แต่นายเอก กลับตอบว่า จะปิดทำไม เดี๋ยวมันไม่เห็นทางเดิน ทาง รปภ.จึงบอกว่า "งั้นเดี๋ยวผมไปแจ้งตำรวจสายตรวจแถวนั้นให้" ทางตำรวจสายตรวจจึงเข้าไปพร้อมกับ ให้ รปภ.ปิดไฟไปก่อนเพื่อให้เรื่องเงียบ แล้วค่อยรอดูตอนเช้าอีกครั้ง เมื่อปิดไฟเสร็จ ทางนายเอก ก็เริ่มโวยวาย และใช้ขวดโซดา ขว้างปาจากบนชั้น 2 ของบ้านลงมาที่หน้าบ้านของนายเอก 1 ครั้ง ก่อนจะเดินลงมาขว้างใส่ รปภ.เรื่อย ๆ ทาง รปภ.จึงเดินถอยหลังหนี รวมถึงใช้มีดหัวตัด ฟัน รปภ.แต่หลบได้ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นนายเอก เดินมาดึงกุญแจที่เสียบไว้ที่ รถ จยย.ของผู้เสียหายไป และใช่อาวุธมีดฟันไปที่รถ จยย.ผู้เสียหายหลายครั้งจนได้รับความเสียหาย พร้อมกับเดินเข้าไปคว้ากระเป๋าเป้ สีดำ ของผู้เสียหาย ซึ่งภายในมีทรัพย์สิน อาทิ กระเป๋าสตางค์, บัตรประชาชน, ใบขับขี่, บัตรเอทีเอ็ม และสมุดบัญชีธนาคาร รวมถึงเอกสารอื่น ๆ จากนั้นนายเอกได้นำเอากระเป๋า และกุญแจรถผู้เสียหาย เดินกลับไปที่บ้านพักของตน
นายสีครินทร์ เผยอีกว่า โดยสปอร์ตไลท์ดังกล่าวของหมู่บ้านก็ไม่ได้ส่องไปที่บ้านนายเอก เป็นการติดตั้งปกติ แต่ไม่ทราบเจตนาของนายเอกด้วย ทั้งนี้ในระหว่างที่กำลังมีปฏิบัติการตรวจค้น ผู้เสียหายพยายามเข้าไปนำทรัพย์สินออกมาจากบ้านของนายเอก ถูกนายเอกใช้ไม้เท้าไล่ตี แต่สุดท้ายก็นำทรัพย์สินออกมาได้ เรื่องนี้ยืนยันว่าจะไม่ยอมความแน่นอนและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ต่อมาเวลา 11.40 น.ที่สน.ดอนเมือง ภายหลังใช้เวลาสอบปากคำ กว่า 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายเอกรัตนะ ขุนพรหม หรือ “เอก สายเต๊าะ” เพื่อไปยังห้องฝ่ายสืบสวน
ขณะเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายเอกไม่ได้มีท่าทีกังวล มีสีหน้ายิ้มแย้มไม่สลดแต่อย่างใด พร้อมเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ยืนยันว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ใครที่ทำดี ตัวเองก็พร้อมที่จะทำดีตอบ ส่วนเรื่องที่ทำให้ประชาชนในหมู่บ้านได้ระบความเดือดร้อนรำคาญ ยืนยันว่าตัวเองก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง
สำหรับอาวุธมีด นายเอกไม่ขอตอบว่านำมาจากไหน พร้อมปฎิเสธเสียงแข็งว่าเมื่อข่วงเช้าไม่ได้ใช้มีดไล่ฟัน รปภ. หมู่บ้าน
ส่วนการใช้ชีวิตประจำวัน นานเอกยอมรับว่า ได้รายรับ และได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนเพื่อนที่ด้วยการไลฟ์สดผ่านโซเชียล
เมื่อสอบถามนายเอกว่า หลังจากถูกจับกุมในครั้งนี้ จะกลับไปทำพฤติกรรมเช่นเดิมหรือไม่ นายเอกปฎิเสธว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด ขณะที่นายเอกยังคงพูดจาลักษณะ วกไปวนมา ไม่ได้ใจความ โดยมีท่าทีไม่ได่สลดกับสิ่งที่กระทำ
ขณะที่ พ.ต.ท.อำนาจ ฉ่ำชะเอม รอง ผกก.สส.สน.ดอนเมือง หัวหน้าชุดตรวจค้นบ้านนายเอก กล่าวว่า จากการสอบปากคำ นายเอกลักษณ์ หรือ "เอก สายเต๊าะ" ให้การปฏิเสธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาจะให้การ โดยตำรวจเองจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประวัติก่อนหน้านี้ที่ถูกดำเนินคดี และข้อมูลจากชาวบ้าน โดยยืนยันว่าจะดำเนินการทุกมิติและรอบคอบอย่างถึงที่สุด ซึ่งขณะนี้จากการตรวจค้นบ้านของนายเอก พบสิ่งเทียมอาวุธปืน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นปืนจริงหรือไม่ นอกจากนี้บริเวณรั้วบ้านยังพบกระเป๋าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน ที่นายเอกใช้อาวุธมีดยาวไปชิงทรัพย์เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด ซึ่งตำรวจก็ได้ตรวจยึดอาวุธมีดใช้ก่อเหตุเอาไว้แล้วด้วย เบื้องต้นการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด ส่วนการตรวจจิตเวชแพทย์วินิจฉัยว่าไม่ว่ามีอาการทางจิต
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ตำรวจจะนำตัวนายเอกไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาในวันพรุ่งนี้ โดยในสำนวนตำรวจจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากพนักงานสอบสวนจะต้องบรรยายพฤติการณ์ และประวัติการกระทำความผิดของนายเอกที่พบว่ามีการกระทำความก่อนหน้านี้ โดยจะบรรยายในเรื่องของพฤติกรรมเพื่อให้ศาลพิจารณาเรื่องของความรุนแรงและมีผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง เชื่อว่าจะมีผลในการพิจารณาของศาลอย่างแน่นอน เพราะอัตราโทษของผู้ที่เคยกระทำความผิด หากพบว่ามีการประทำความผิดซ้ำ ศาลจะหยิบยกมาให้ความสำคัญในการพิจารณา
ส่วนการดำเนินการตามกฏหมายอาญาตามมาตรา39 ห้ามเข้าเขตกำหนดหรือควบคุมตัวในกรณีจำเลยกระทำตัวเป็นอัตรายต่อสังคม และมาจรา45 ศาลสั่งห้ามจำเลยเข้าเขตที่กำหนดไม่เกิน5ปี ทางตำรวจก็จะมีการบรรยายไปในสำนวน แต่จะมีการบังคับใช้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล
ส่วนข้อหาอื่น ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆมาประกอบให้รอบด้านเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยตำรวจเข้าใจความรู้สึกและความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นอย่างดี แต่การดำเนินคดีจะต้องบึ้นอยู่กับกรอบของกฏหมาย ทั้งที่ตำรวจทุกนานอยากจะลุย แต่บางครั้งติดเรื่องข้อกฏหมายทำให้ไม่ทันใจชาวบ้าน ขอให้อดใจรอ
ส่วนการไลฟ์สดโชว์อาวุธปืนและก่อความเดือดร้อนลำคานเดินไปมาในหมู่บ้านนั้น ขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้วและจะต้องมีการถอดถ้อยคำจากคลิปวิดีโอไลฟ์สด เพื่อดูว่าเข้าข่ายว่าการกระทำผิดกฏหมายข้อใดบ้าง
ต่อมาตำรวจได้นำตัวนายเอก มาสอบปากคำที่ห้องสอบสวน โดยนายเอกมีท่าทีสงบลง สามารถตอบคำถามสื่อมวลชนได้อย่างชัดเจน โดยกล่าวคำขอโทษกับประชาชน และยืนยันว่าจะปรับปรุงตัว ด้วยการไม่เสียงดัง ขอโทษที่ทำให้ชาวบ้านตกใจกลัวคำพูดของตนอาจจะรุนแรงไป จะไม่ขับรถเร็วในหมู่บ้าน และจะใช้คำพูดกับเพื่อนบ้านดีๆ ในอนาคตจะทำได้หรือไม่ตนเองยังไม่รับปากแต่จะพยายาม แต่การออกมาโวยวายยอมรับว่าต้องการติดพื่อก่อ โดยอยากให้นิติบุคคลของหมู่บ้านออกมาปรับปรุงการทำหน้าที่ ส่วนการจะสำนึกผิดหรือไม่ ยืนยันว่าไม่สำนึกผิด เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร ส่วนการนอนห้องขังถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่กังวล ทำผิดก็ต้องรับผิด
ขณะที่ นางสาวเอ (นามสมมติ) หนึ่งในลูกบ้านในหมู่บ้านนายเอก ได้นำอาหารและน้ำดื่มมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ให้ความสำคัญกับปัญหาความเดือดร้อนของลูกบ้าน หลังทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายเอกมาที่ สน.ดอนเมือง พร้อมเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตัวเองก็เป็นคนนึงที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนายเอก โดยทำทรัพย์สินเสียหาย รถยนต์ความเสียหายจากการที่ได้ไปใข้เส้นทางอื่นจากการที่นายเอกปิดทางเข้า-ออกหมู่บ้าน ส่วนลูกบ้านคนอื่นๆ ถูกกระทำการในลักษณะเดียวกัน ยอมรับว่าทนไม่ไหวถึงขั้นต้องประกาศขายบ้าน พร้อมอยากขอร้องเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาข่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าวให้หมดไปเสียที
ส่วนการแระกาศขายบ้านนั้น ตอนนี้ลูกบ้านและตัวเองยังคงจะประกาศขายบ้านอยู่ เพราะยังไม่ได้รับความชัดเจนวว่านายเอกจะได้รับการประกันตัวหรือไม่เพราะที่ผ่านมา นายเอกก็ถูกจับกุมมาแล้ว และได้รับการปล่อยตัวออกมา หลังปล่อยตัวก็ออกมาอาละวาดและกระทำลักษณะเดิมซ้ำ จริงๆแล้วคนที่ควรออกจากหมู่บ้าน คืแนายเอกไม่ใช่ลูกบ้าน พร้อมวอนเจ้าของโครงการควรดำเนินการขั้นเด็ดขาด ไม่ควรปล่อยให้เป็นภาระของลูกบ้าน อย่ารักษา บ้านเพียง 1 หลังแลกกับ คนหมู่มาก เเพราะทุกวันนี้ชาวบ้านต้องอยู่กันด้วยความหวาดระแวง ทั้งที่บ้านเป็นเหมือนที่พื้นที่ปลอดภัย แต่กลายเป็นว่าต้องนั่งระแวงว่าวันนี้จะต้องเจอกับอะไร
ส่วนความเสียหายที่ได้รับ เบื้องต้นยังไม่ได้คุยกับลูกบ้าน แต่นิติหมู่บ้านแค่แจ้งให้ลูกบ้านที่ได้รับความเสียหายรวบรวมหลักฐานและใบแจ้งความมาลงชื่อไว้ ส่วนตัวเชื่อว่าหากนายได้รับการประกันตัว นายเอกจะไม่เข็ดหลาบและออกไปกระทำในลักษณะเดิมอีก และหวั่นว่าจะกระทำการรุนแรงมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ยังหวังว่าทุกหน่วยงานจะดำเนินการกับเอกสายเต๊าะขั้นเด็ดขาดเสียทีเพื่อความสงบสุขของคนทั้งหมู่บ้าน
จากการตรวจสอบประวัตินายเอก พบว่า เคยมีประวัติถูกจับดำเนินคดีฐานฉ้อโกง เมื่อปี 2553 ท้องที่ สภ.คลองหลวง จำคุก 1 ปี 6 เดือน และคืนเงิน ให้ผู้เสียหาย จำนวน 3,050,000 บาท, คดีทำให้เสียทรัพย์ 2 คดี ท้องที่สน.ดอนเมือง และคดีมีอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต จากการเข้าตรวจค้นบ้านพัก ขณะที่นายเอกถอยรถชนบ้านคู่กรณีและ มีการไลฟ์สดโชว์อาวุธปืนผ่านโซเชียล รวม 2 คดี เมื่อช่วงประมาณต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้สำหรับในปี 2567 ตั้งแต่เดือนมกราคม-ปัจจุบัน ถูกผู้เสียหายแจ้งความ ก่อความเดือดร้อนรำคาญ รวม11 คดี จากผู้เสียหายเพียง 1 รายเท่านั้น ของ ท้องที่ สน.ดอนเมือง ถูกดำเนินคดีพกพาอาวุธมีด ฯ และจอดรถกีดขวางการจราจร ตาม พรบ.จราจร ที่นายเอก ขับรถจอดขวางหน้าหมู่บ้าน กระทั่งมาถูกจับกุมคดีชิงทรัพย์ รปภ.ในครั้งนี้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด โดยนายเอกขอปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ถูกนำตัวส่งห้องขัง โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เตรียมนำตัวส่งศาลอาญารัชดาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป