ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.อำนาจ ฉ่ำชะเอม รองผกก.สืบสวนสอบสวน.สน.ดอนเมือง เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ นายเอกลักษณ์ ขุนพรหม หรือ "เอก สายเต๊าะ" อายุ 41 ปี ให้การปฏิเสธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาจะให้การ โดยตำรวจเองจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประวัติก่อนหน้านี้ที่ถูกดำเนินคดี และข้อมูลจากชาวบ้าน โดยยืนยันว่าจะดำเนินการทุกมิติและรอบคอบอย่างถึงที่สุด
ซึ่งขณะนี้จากการตรวจค้นบ้านของนายเอก พบ สิ่งเทียมอาวุธปืน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นปืนจริงหรือไม่ นอกจากนี้บริเวณรั้วบ้านยังพบกระเป๋าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน ที่นายเอกใช้อาวุธมีดยาวไปชิงทรัพย์เมื่อล่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด ซึ่งตำรวจก็ได้ตรวจยึดอาวุธมีดใช้ก่อเหตุเอาไว้แล้วด้วย เบื้องต้นการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด ส่วนการตรวจจิตเวชแพทย์วินิจฉัยว่าไม่ว่ามีอาการทางจิต
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ตำรวจจะนำตัวนายเอกไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาในวันพรุ่งนี้ โดยในสำนวนตำรวจจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากพนักงานสอบสวนจะต้องบรรยายพฤติการณ์ และประวัติการกระทำความผิดของนายเอกที่พบว่ามีการกระทำความก่อนหน้านี้ โดยจะบรรยายในเรื่องของพฤติกรรมเพื่อให้ศาลพิจารณาเรื่องของความรุนแรงและมีผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง เชื่อว่าจะมีผลในการพิจารณาของศาลอย่างแน่นอน เพราะอัตราโทษของผู้ที่เคยกระทำความผิด หากพบว่ามีการประทำความผิดซ้ำ ศาลจะหยิบยกมาให้ความสำคัญในการพิจารณา
ส่วนการดำเนินการตามกฏหมายอาญาตามมาตรา39 ห้ามเข้าเขตกำหนดหรือควบคุมตัวในกรณีจำเลยกระทำตัวเป็นอัตรายต่อสังคม และมาจรา45 ศาลสั่งห้ามจำเลยเข้าเขตที่กำหนดไม่เกิน5ปี ทางตำรวจก็จะมีการบรรยายไปในสำนวน แต่จะมีการบังคับใช้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล
ส่วนข้อหาอื่นๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆมาประกอบให้รอบด้านเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยตำรวจเข้าใจความรู้สึกและความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นอย่างดี แต่การดำเนินคดีจะต้องบึ้นอยู่กับกรอบของกฏหมาย ทั้งที่ตำรวจทุกนานอยากจะลุย แต่บางครั้งติดเรื่องข้อกฏหมายทำให้ไม่ทันใจชาวบ้าน ขอให้อดใจรอ
ส่วนการไลฟ์สดโชว์อาวุธปืนและก่อความเดือดร้อนลำคานเดินไปมาในหมู่บ้านนั้น ขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้วและจะต้องมีการถอดถ้อยคำจากคลิปวิดีโอไลฟ์สด เพื่อดูว่าเข้าข่ายว่าการกระทำผิดกฏหมายข้อใดบ้าง
ต่อมาตำรวจได้นำตัวนายเอก มาสอบปากคำที่ห้องสอบสวน โดยนายเอกมีท่าทีสงบลง สามารถตอบคำถามสื่อมวลชนได้อย่างชัดเจน โดยกล่าวคำขอโทษกับประชาชน และยืนยันว่าจะปรับปรุงตัว ด้วยการไม่เสียงดัง ขอโทษที่ทำให้ชาวบ้านตกใจกลัวคำพูดของตนอาจจะรุนแรงไป จะไม่ขับรถเร็วในหมู่บ้าน และจะใช้คำพูดกับเพื่อนบ้านดีๆ ในอนาคตจะทำได้หรือไม่ตนเองยังไม่รับปากแต่จะพยายาม แต่การออกมาโวยวายยอมรับว่าต้องการติดพื่อก่อ โดยอยากให้นิติบุคคลของหมู่บ้านออกมาปรับปรุงการทำหน้าที่ ส่วนการจะสำนึกผิดหรือไม่ ยืนยันว่าไม่สำนึกผิด เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร ส่วนการนอนห้องขังถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่กังวล ทำผิดก็ต้องรับผิด
ขณะที่ หนึ่งในลูกบ้านในหมู่บ้านในหมู่บ้าน แห่งหนึ่ง ภายในซอยเทิดราชัน 17 พื้นที่ดอนเมือง ได้นำอาหารและน้ำดื่มมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ให้ความสำคัญกับปัญหาความเดือดร้อนของลูกบ้าน หลังทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายเอกมาที่ สน.ดอนเมือง พร้อมเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตัวเองก็เป็นคนนึงที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนายเอก โดยทำทรัพย์สินเสียหาย รถยนต์ความเสียหายจากการที่ได้ไปใข้เส้นทางอื่นจากการที่นายเอกปิดทางเข้า-ออกหมู่บ้าน ส่วนลูกบ้านคนอื่นๆ ถูกกระทำการในลักษณะเดียวกัน ยอมรับว่าทนไม่ไหวถึงขั้นต้องประกาศขายบ้าน พร้อมอยากขอร้องเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาข่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าวให้หมดไปเสียที
ส่วนการประกาศขายบ้านนั้น ตอนนี้ลูกบ้านและตัวเองยังคงจะประกาศขายบ้านอยู่ เพราะยังไม่ได้รับความชัดเจนวว่านายเอกจะได้รับการประกันตัวหรือไม่เพราะที่ผ่านมา นายเอกก็ถูกจับกุมมาแล้ว และได้รับการปล่อยตัวออกมา หลังปล่อยตัวก็ออกมาอาละวาดและกระทำลักษณะเดิมซ้ำ จริงๆแล้วคนที่ควรออกจากหมู่บ้าน คืแนายเอกไม่ใช่ลูกบ้าน พร้อมวอนเจ้าของโครงการควรดำเนินการขั้นเด็ดขาด ไม่ควรปล่อยให้เป็นภาระของลูกบ้าน อย่ารักษา บ้านเพียง 1 หลังแลกกับ คนหมู่มาก เเพราะทุกวันนี้ชาวบ้านต้องอยู่กันด้วยความหวาดระแวง ทั้งที่บ้านเป็นเหมือนที่พื้นที่ปลอดภัย แต่กลายเป็นว่าต้องนั่งระแวงว่าวันนี้จะต้องเจอกับอะไร
ส่วนความเสียหายที่ได้รับ เบื้องต้นยังไม่ได้คุยกับลูกบ้าน แต่นิติหมู่บ้านแค่แจ้งให้ลูกบ้านที่ได้รับความเสียหายรวบรวมหลักฐานและใบแจ้งความมาลงชื่อไว้
ส่วนตัวเชื่อว่าหากนายได้รับการประกันตัว นายเอกจะไม่เข็ดหลาบและออกไปกระทำในลักษณะเดิมอีก และหวั่นว่าจะกระทำการรุนแรงมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ยังหวังว่าทุกหน่วยงานจะดำเนินการกับเอกสายเต๊าะขั้นเด็ดขาดเสียทีเพื่อความสงบสุขของคนทั้งหมู่บ้าน