เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแพร่ ร้องกองปราบฯ คดีอุบัติเหตุสามีถูกรถยนต์ชนตายฟรี ไรัความรับผิดชอบจากคู่กรณีเพราะเป็นคนใหญ่โตในพื้นที่

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 ก.ค.67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ตึกหน้า) ถนนพหลโยธิน จอมพล จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ.พร้อมด้วย นายณัฐปกรณ์ สุดชา หรือ ทนายเจส พา นางรุจิรา กลิ่นสม อายุ 46 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นภรรยานายปิยวัฒน์ กลิ่นสม อายุ 45 ปี ผู้ตาย เดินทางมาจาก จ.แพร่ เข้าร้องขอความเป็นธรรม กรณีสามีประสบอุบัติเหตุรถชนกันเป็นเหตุให้สามีเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ คู่กรณีคือนายณัฐวุฒิ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เป็นคนมีอิธิพลในพื้นที่ อ้างว่าเป็นหลานของนักการเมืองท้องถิ่น ขับรถข้ามเลนมาชนสามีของผู้เสียหาย เป็นเหตุให้เสียชีวิตคาที่ในที่เกิดเหตุ  

ภายหลังจากเกิดเหตุคู่กรณีไม่มีการแสดงความรับผิดชอบ อ้างว่าผู้เสียชีวิตข้ามเลนไปหาตน ซ้ำตำรวจที่ทำคดีแจ้งว่าเป็นเหตุประมาทร่วมกัน โดยทีแรกจะสั่งไม่ฟ้อง ต่อมาทำสำนวนในคดีอ่อน จนอัยการสั่งให้สอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และตำรวจยังบอกว่าคู่กรณีไม่มีความผิด เป็นเหตุให้ผู้เสียหายรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และกลัวว่าคดีจะเงียบ และสามีของตนจะต้องตายฟรี จึงมาร้องที่จ่าคิงส์และทนายเจส  เพื่อขอให้กองปราบฯ ช่วยให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัวผู้ตายด้วย

นางรุจิรา เปิดเผยว่า อุบัติเหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 พ.ย.66 เวลา ประมาณ 19.40 น. ที่บริเวณถนนช่อแฮ ไก่ศูนย์พัฒนาเด็กรัฐมนตรีจังหวัดแพร่ ต.ช่อแฮ .เมืองแพร่ จ.แพร่ รถคู่กรณีทั้งสองคันขับสวนทางกันมาจนถึงที่เกิดเหตุตามคลิปวงจรปิดเห็นว่าคู่กรณีได้เลี้ยวรถมาทางเลนของสามีตนที่กลับมาทางตรงก่อนที่จะชนกันจนเป็นเหตุให้สามีตนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที


แต่พนักงานสอบสวนกลับแจ้งว่าสามีตน ขับรถกิเลน เข้าไปทำให้คู่กรณีตกใจหักรถหลบจนเกิดอุบัติเหตุ มีความเห็น ผู้ตายเป็นฝ่ายผิด สั่งไม่ฟ้อง ก่อนส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดแพร่ ซึ่งอัยการจังหวัดแพร่ก็มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง

 
ตนจึงไปร้องขอความยุติธรรมนำภาพวงจรปิดไปด้วยทำให้อัยการแพร่สั่งพนักงานสอบสวนสอบเพิ่มเติม ก่อนจะส่งให้อัยการจแพร่ และเมื่อไปสอบถามทางอัยการแพร่แล้วแจ้งว่าได้ส่งสำนวนสั่งฟ้องให้อัยการสูงสุด เรียบร้อย


ตนเกรงว่สทางตำรวจจะทำสำนวนอ่อนทำให้ผู้ตายไม่ได้รับความ เป็นธรรมเนื่องจากคู่กรณีเป็นผู้ มีอิทธิพลในพื้นที่เกรงสามีจะตายฟรีถึงแม้เค้าจะนำเงินค่าทำศพมาให้ 5000 บาท โดยไม่รับเงินเยียวยา 20,000 บาทที่นำมามอบให้ เพราะเห็นว่าไม่เพียงพอต่อชีวิตคนๆ หนึ่งที่ต้องสูญเสียไปจึงต้องมาร้องให้ตำรวจกองปราบช่วย คำปรึกษาสอบสวน ปปป. เพื่อเอาผิดกับพนักงานสอบสวนต่อไป

พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบแล้ว พบว่า สำนวนคดีได้ส่งไปถึงอัยการสูงสุดแล้ว รอฟังความเห็นของอัยการสูงสุดต่อไปส่วนเงินเยียวยาจำนวน 20,000 บาท ซึ่งครอบครัวเสียหายเห็นว่าน้อยเกินไปก็แนะนำให้ฟ้องคดีคดีแพ่ง อีกส่วนหนึ่ง