วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ราคาพลังงาน โดยเฉพาะค่าไฟในครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้น ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ค่าไฟที่ประชาชนต้องแบกรับเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก เรื่องนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชน ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าเพื่อการดำรงชีวิตหรือเพื่อการประกอบอาชีพ แม้ว่าล่าสุดรัฐบาลจะมีมาตรการตรึงค่าไฟ อยู่ที่ 4.18 บาท แต่ก็เป็นการตรึงราคาแค่ชั่วคราวเหมือนตำข้าวสารกรอกหม้อ พอจบระยะตรึงก็มาทำให้ประชาชนกังวลใหม่ว่าจะตรึงราคาต่อหรือไม่
เมื่อเกิดความกังวลและความไม่สบายใจกับประชาชนในลักษณะนี้ ประชาชนย่อมหวังว่ารัฐบาลจะเข้ามาดำเนินการเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้คลายความทุกข์ใจ แต่จากที่ตนได้ติดตามสถานการณ์ ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนอย่างยั่งยืนได้เลย เพราะมีแต่นโยบายที่ลดค่าไฟเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่ได้แก้ที่ต้นตอแล้วปัญหาค่าไฟแพงก็กลับมาซ้ำเติมประชาชนเหมือนเดิม อีกทั้งการตรึงค่าก็เป็นการสร้างภาระต้นทุนให้กับ กฟผ. ที่ต้องแบกรับภาระแทนประชาชน สุดท้ายแล้วผู้ที่ต้องร่วมกันชดใช้เงินส่วนนี้คือผู้ใช้ไฟฟ้าโดยไม่มีการจำแนกว่าจะรวยหรือจนเพราะต้องจ่ายค่าไฟเท่ากัน เป็นสิ่งที่ยิ่งตอกย้ำความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย โดยตนยังคงรอการแก้ไขกฎหมายตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพยายามให้ข้อมูลซึ่งก็ยังไม่เห็นความคืบหน้า ซ้ำร้ายกว่านั้นยังไม่เห็นภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เลย
นายสรรเพชญ ได้ยกตัวอย่างกรณีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ได้เปิด 3 ทางเลือก ค่าไฟ ซึ่งทั้ง 3 ทางเลือกนี้ยังคงต้องบวกค่า Ft ที่จะทำให้ค่าไฟมีราคาสูงขึ้นและรัฐบาลยังไม่ได้ยกเลิกค่า Ft แต่อย่างใด นายสรรเพชญ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลไม่ได้ทำงานอย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องนี้เลย นอกจากนี้สหภาพการไฟฟ้าก็ไม่ได้เห็นด้วยกับแนวทางการปรับขึ้นค่าไฟจึงได้มีการออกมาเรียกร้องแทนประชาชน อีกทั้งตนยังไม่เคยเห็นว่ารัฐบาลทำหน้าที่ในการเจรจากับกลุ่มทุนที่เป็นเสือนอนกินค่าพลังงานของประชาชนและเกิดคำถามว่ารัฐบาลกำลังยินยอมให้บริษัทเอกชนหรือกลุ่มทุนใหญ่เข้ามาขูดเลือดขูดเนื้อประชาชนใช่หรือไม่ และหากรัฐบาลไม่เร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนจะส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมที่อาจจะย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า
นายสรรเพชญ ได้กล่าวว่า ตนพอจะจำได้ว่าป้ายหาเสียงนโยบายของพรรคเพื่อไทย ว่าหากได้เป็นรัฐบาลค่าไฟจะลดทันที ซึ่งปัจจุบันรัฐบาล ก็ทำงานมาจะครบปีแล้วยังทำตามนโยบายตามที่หาเสียงไว้ไม่ได้ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่ารัฐบาลกลัวอะไร หรือเกรงใจใครอยู่ จึงไม่กล้าทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม หรือหากรัฐบาลทำไม่ได้รัฐบาลก็ควรออกมาขอโทษกับประชาชนอย่างเป็นทางการไม่ใช่ปล่อยให้สถานการณ์บานปลายแล้วความตระหนกก็มาตกอยู่กับประชาชน