วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่าจะโหวตค้านเรื่องการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (บอร์ด ป.ป.ส.) ว่า เรื่องกัญชาอยู่ที่ ป.ป.ส. คงต้องปล่อยให้ ป.ป.ส.ทำหน้าที่ในการพิจารณาไปอย่างเที่ยงธรรมและมีเหตุผล ส่วนนายอนุทินนั้น ตนได้ยกหูคุยกันบ่อย คุยกันตลอดในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน คิดว่าไม่มีปัญหา นายอนุทิน สามารถแสดงความเห็นได้ แต่เรื่องเหล่านี้เราพยายามใช้เหตุใช้ผลให้มากที่สุด เอาตามความเป็นจริง เอาความรู้สึกของชาวบ้านว่ามีเหตุผลหรือไม่อย่างไร รวมถึงส่วนอื่น ๆ ด้วย ตนคิดว่ามันยังไม่เกิด และเราต่างก็ยอมรับว่าเราพยายามใช้เหตุผลมากกว่าเป็นเรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะคุยกันก่อนที่จะเข้าสภาฯใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คุยกันมาต่อเนื่องตลอด ไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาอะไร ถ้าถามตนว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย สื่อก็ไปถามกลับ มันก็จะกลายเป็นประเด็น ยืนยันว่าตนได้คุยกับนายอนุทินแล้ว เรื่องนี้เราเข้าใจและเห็นใจในหลายส่วน และเราทราบว่ามันมีปัญหาหลายอย่าง จะเป็นหน้าที่ร่วมกันที่จะช่วยกันหาทางออกให้ 

เมื่อถามว่า ในฐานะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมองว่าพรรคร่วมควรมีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ต้องพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิด ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไรเลย ไม่ต้องไปบอกว่าเราจะเอาอย่างนี้ เราอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน ร่วมมือกัน รับผิดชอบร่วมกันในการแก้ปัญหา ฉะนั้น ทุกอย่างที่มีปัญหาหรือมีประเด็นเกิดขึ้นเราจะต้องพูดคุยกันอยู่แล้ว เพราะพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องอะไรของส่วนไหนมันไม่ได้เป็นประเด็นส่วนใดส่วนหนึ่งแล้ว มันเป็นเรื่องของรัฐบาลร่วมกัน และพิจารณาร่วมกัน ไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ตนก็คุยกับนายอนุทิน ไม่มีปัญหาอะไร 

เมื่อถามย้ำว่า ทั้งเรื่องกัญชาและเรื่องปุ๋ยคนละครึ่ง จะไม่สร้างความแตกแยกในรัฐบาลใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า “ก็บอกว่ามันไม่มีปัญหา แล้วมันจะไปกระทบความสัมพันธ์ได้อย่างไร ไม่มีกระทบหรอกครับ ทุกอย่างร่วมกันแล้ว และกำลังใช้เหตุผลในกระบวนการ ท่านจะมาบอกว่ามันกระทบกระเทือนได้อย่างไร ไม่ต้องไปคิดเรื่องที่ไกลเกิน เพราะถ้าคิดไกลเกิน บางทีมันก็ไม่เข้าใจ กลายเป็นว่าคนนั้นพูด คนนี้พูด มันก็จะกลายเป็นปัญหา ผมขอความกรุณาครับ เอาอย่างที่มาช่วยประเทศให้มันเดินหน้าได้”