วันที่ 19 ก.ค. 2567 เวลา 11.00 น. รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงว่าตนได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เกี่ยวกับจุดยืนของพรรคต่อร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม พรรคมีมติคัดค้านการรวมคดี 112 ร่วมอยู่ในร่างพ.ร.บ. ดังกล่าว เนื่องจากการกระทำดังกล่าวจะเป็นการฝ่าฝืนบรรทัดฐานคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ที่ระบุว่า “ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นบทบัญญัติที่กำหนดการกระทำความผิด บุคคลที่หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และเป็นกฎหมายคุ้มครองที่ไม่ให้มีการละเมิดพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทรงเป็นประมุขของรัฐ และเป็นสถาบันหลักของประเทศ ตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้”

ดังนั้น การให้ผู้กระทำความผิดที่ถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม แต่มาออกกฎหมายเพื่อให้นิรโทษกรรมความผิดดังกล่าว จึงเป็นการขัดต่อคำวินิจฉัยต่อศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ดังนั้น การที่จะเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยมีมาตรา 112 ร่วมด้วย โดยมีเจตนาทางการเมืองไม่ได้ ถือเป็นการมีเจตนาเซาะกร่อน บ่อนทำลาย สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเหตุให้ชำรุด ทรุดโทรมและอ่อนแอ นำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

“การออกกฎหมายนิรโทษกรรม ให้ผู้กระทำผิดในมาตรา 112 เป็นการออกกฎหมายที่มีความร้ายแรงมากกว่าการเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ด้วยซ้ำ เราจึงคัดค้านไม่เห็นด้วย และพล.อ.ประวิตร ก็มีนโยบายชัดเจนที่จะปกป้องสถาบัน  จึงต้องมาบอกให้ชัดเจนว่าพรรคพลังประชารัฐ ขอคัดค้านเรื่องนี้และท่านยังกำชับว่าหากมีการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภาฯ ในวาระ 1 ไม่ว่าจะกี่ฉบับ สส.พรรคพลังประชารัฐ ทุกคน จะลงมติไม่เห็นด้วยทุกฉบับ เพื่อให้ร่างกฎหมายที่จะมีการนิรโทษกรรมมาตรา 112 ตกไปตั้งแต่วาระ 1 ”

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่พรรคเพื่อไทยอาจจะให้รวม มาตรา 112 กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าไปด้วย นายไพบูลย์ กล่าวว่า ใครจะอย่างไรก็สุดแล้วแต่ แต่พรรคพลังประชารัฐ เราจะคัดค้านทุกวิถีทางที่จะไม่ให้มีการเห็นชอบร่างกฎหมายนิรโทษกรรมมาตรา 112 ส่วนเรื่องพรรคไหนจะทำแบบไหนก็แล้วแต่ เราไม่เกี่ยว แต่พรรคเราแน่วแน่ และมั่นคงในหลักการนี้

เมื่อถามต่อว่า ที่ระบุว่าการแก้กฎหมายนิรโทษกรรม โดยรวมมาตรา 112 ร้ายกว่าการเสนอแก้มาตรา 112 หากพรรคการเมืองดึงดันที่จะให้มี มาตรา112 จะส่งผลต่อสถานะของพรรคการเมืองเหมือนกรณีของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนได้พยายามย้ำไปแล้วในประเด็นนี้ ขอให้แต่ละพรรคการเมืองไปตีความเอาเอง