คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์  เศรษฐช่วย

ขณะนี้เกิดประเด็นร้อนทางการเมืองแบบสดๆใหม่ๆ เกี่ยวกับการลอบสังหาร “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ที่ได้สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในแวดวงการเมืองของสหรัฐฯแบบคาดการณ์ไม่ถึง

โดยต่อมาสำนักงานสืบสวนกลางหรือ “หน่วยเอฟบีไอ” ออกมาเปิดเผยว่า เวลาบ่ายสี่โมงเย็น ที่รัฐเพนซิลเวเนีย มือสังหารเป็นชายหนุ่มชื่อว่า “โธมัส  แมทธิว ครูกส์”ที่มีอายุเพียง 20 ปี ถือปืนไรเฟิลไต่ขึ้นไปอยู่บนหลังคา ยิงเข้าใส่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ใกล้ๆกับเวทีปราศรัยหาเสียงในระยะเพียง 150 เมตร โดยกระสุนเฉียดข้างหูด้านขวาจนเลือดแดงฉาน!!!

ทั้งนี้มีคำถามมากมายที่ยังไม่มีคำตอบอาทิเช่น เพราะเหตุใดหน่วยรักษาความปลอดภัยปล่อยให้เหตุการณ์ลอบสังหารเกิดขึ้นอย่างอุกอาจ? เพราะเหตุใดชายหนุ่มวัยแค่ยี่สิบจึงสามารถครอบครองอาวุธอันแสนร้ายแรง? ใครจะรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น? การแข่งขันหาเสียงระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่? การประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันจะดำเนินต่อไปอย่างไร?

และที่สำคัญที่สุดก็คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นหรือไม่? ขณะเดียวกันคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามก็มีเรื่องราวร้อนแรงไม่แพ้กัน เนื่องจากบรรดาสมาชิกในค่ายพรรคเดโมแครตและนายทุนที่บริจาคเม็ดเงิน ต่างเรียกร้องให้ “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” ประกาศถอนตัว เพราะในช่วงสิบเดือนที่ผ่านมา คะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์นำหน้าประธานาธิบดีโจ ไบเดน มาตลอดๆ

อย่างไรก็ตามการลอบสังหารนักการเมืองคนสำคัญระดับประเทศของสหรัฐฯเกิดขึ้นมาในอดีตหลายครั้งหลายคราแล้ว โดยที่ผ่านมามีประธานาธิบดีสี่คนที่ดำรงอยู่ในตำแหน่งถูกลอบสังหารจนเสียชีวิต นั่นก็คือ “อดีตประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น” ถูกลอบสังหาร เมื่อวันที่ 14 เมษายน ปีค.ศ. 1865 “อดีตประธานาธิบดีเจมส์ การ์ฟิลด์” ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1881

“อดีตประธานาธิบดีวิลเลียม แม็คคินเลย์” ถูกลอบสังหาร เมื่อวันที่ 6 กันยายน ปีค.ศ. 1901 และ “อดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ.เคเนดี” ถูกลอบสังหาร เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ปีค.ศ. 1963

นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีประธานาธิบดีที่ถูกลอบสังหารจนได้รับบาดเจ็บ นั่นก็คือ “อดีตประธานาธิบดีแอนดรู แจ็กสัน”ถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 30 มกราคม ปีค.ศ.1835 , “อดีตประธานาธิบดีเธียร์ดอร์ รูสเวลท์” ถูกลอบสังหารขณะหาเสียงเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ปีค.ศ.1912 , “อดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน” ก็ถูกลอบยิงที่กรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ปีค.ศ.1981

และล่าสุดนี้ก็ได้เกิดขึ้นกับ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สดๆร้อนๆหมาดๆเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ปีค.ศ. 2024 แปลว่าการหาเสียงของนักการเมือง ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะสุ่มเสี่ยงกับภยันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับใครและเมื่อใดก็ได้!!!

เป็นที่น่าสังเกตว่าวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2024 นี้คือวันเริ่มต้นการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน ที่รัฐวิสคอนซิน ซึ่งปรากฏว่าแม้ประธานาธิบดีทรัมป์ เพิ่งได้รับบาดเจ็บจากการลอบสังหาร แต่เขาก็ยังเดินทางไปล่วงหน้าหนึ่งวัน เพื่อเข้าร่วมการประชุมของพรรครีพับลิกัน

ในการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน ที่จัดให้มีขึ้นสามวันนี้ จะมีกิจกรรมสำคัญๆ หลายอย่างด้วยกัน อาทิเช่น พรรครีพับลิกันจะยกมือรับรองให้ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นตัวแทนของพรรคอย่างเป็นทางการ อีกทั้งอดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะประกาศว่า ใครจะเข้าร่วมทีมในตำแหน่งรองประธานาธิบดี ?

สำหรับการหาเสียงในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเห็นได้จากข่าวที่ถาโถมออกมาว่า เขาถูกกดดันให้ถอนตัว แต่ดูเหมือนว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ถูกลอบสังหาร เรื่องราวก็สร่างซาเงียบหาย โดยเขาออกมาเรียกร้องให้พรรคเดโมแครตสามัคคีกัน เพื่อร่วมใจกันเอาชนะการแข่งขันเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตามขณะนี้ “หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส” ออกมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตีทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน และ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเรียกร้องให้ทั้งสองถอนตัว

โดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถอนตัวภายหลังจากล้มเหลวในการโต้วาทีดิเบตกับ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนก็หาได้ใส่ใจไม่ โดยเขาออกมาประกาศว่าต้องการจะเอาชนะประธานาธิบดีทรัมป์ ที่วางตัวเป็นจอมเผด็จการ

ส่วนการที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สเมื่อวันที่ 11 กรกฏาคม ได้เขียนบทความลงในบทบรรณาธิการในเนื้อหาที่ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่เหมาะสมในตำแหน่งประธานาธิบดี แถมยังขาดจรรยาบรรณด้านศีลธรรม ไม่มีความรับผิดชอบคู่ควรกับตำแหน่งประธานาธิบดี ขาดความเคารพต่อระบอบรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม ในบทความยังเรียกร้องให้ค่ายพรรครีพับลิกันยกเลิกการสนับสนุนต่ออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการลงแข่งขันเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดี!!!

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นการที่ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ถูกลอบสังหารในครั้งนี้ อาจจะได้รับผลพลอยได้แบบส้มหล่นใส่มือ ซึ่งคนอเมริกันอาจจะให้ความเห็นอกเห็นใจจนทำให้คะแนนนิยมของเขาเพิ่มมากขึ้นและอาจจะทำให้คดีความที่เป็นชนักปักอยู่ที่กลางหลังของเขาเกิดเบาบางลง แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ดูเหมือนว่าการเมืองของสหรัฐฯกำลังอยู่ในโหมดร้อนแรงที่น่าเป็นห่วงและน่าวิตกกังวล ต่อหลักประกันในความปลอดภัย เพราะต้องแลกกันด้วยเลือดเนื้อและแลกกันด้วยชีวิตกันเลยทีเดียวละครับ