เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ ผู้ที่จะมาชิงตำแหน่ง “รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา” ของ “พรรครีพับลิกัน” ซึ่งไม่ผิดอะไรกับการเป็น “คู่หู” ของผู้ที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง “ประธานาธิบดีสหรัฐฯ” ของทางพรรคฯ

เมื่อ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับการประกาศรับรอง จากที่ “ประชุมแห่งชาติพรรครีพับลิกัน” หรือ “อาร์เอ็นซี” (RNC : Republican National Convention) ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน ประจำปี 2024 (พ.ศ. 2567) ที่มีขึ้น ณ นครมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน ในช่วงสัปดาห์นี้ ให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 อย่างเป็นทางการของทางพรรคฯ

หลังจากนั้น อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ได้ประกาศเปิดตัวผู้ที่จะมาเป็น “คู่หู” คือ ชิง “รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทางพรรครีพับลิกันคู่กับเขาอย่างเป็นทางการ

นั่นคือ “นายเจดี แวนซ์” วุฒิสมาชิก หรือสมาชิกสภาซีเนต ของพรรครีพับลิกัน แห่งรัฐโอไฮโอ วัย 39 ปี

เบื้องต้นมีรายงานก่อนหน้าการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันไม่กี่ชั่วโมง ทางอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เปิดตัวสว.ผู้นี้ แบบเรียกน้ำย่อย เพื่อเรียกความสนใจจากผู้คนมาก่อนแล้ว

เมื่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศเปิดตัว สว.แวนซ์ อย่างเป็นทางการ ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยสะท้อนได้จากเสียงปรบมือโห่ร้องต้อนรับจากพลพรรครีพับลิกัน ที่มาเข้าร่วมประชุมอาร์เอ็นซี มากกว่า 50,000 คน อย่างกึกก้อง ก่อนที่ประชุมใหญ่อาร์เอ็นซี ให้การรับรองอย่างเป็นทางการ ในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา

อย่างไรก็ตาม การที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ เลือก สว.แวนซ์ ผู้นี้ มาชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในนามพรรครีพับลิกันคู่กับเขา ก็สร้างความฉงนฉงายให้แก่ผู้คนชาวอเมริกัน และผู้สนใจการเมืองสหรัฐฯ จากประชาคมโลกทั่วไปหาน้อยไม่ ว่าเป็นใครมาจากไหน และมีความสำคัญอย่างไร เพียงไหน ถึงขนาดทำให้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ และพลพรรคชาวรีพับลิกัน ยอมรับถึงการมาชิงชัยในตำแหน่งที่สำคัญทางการเมืองของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นรองเพียง “ประธานาธิบดี” ของประเทศเท่านั้น

โดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ แถลงเป็นเบื้องต้นหลังการประกาศเปิดตัว สว.แวนซ์ว่า เป็นนักต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม ให้ความสนใจต่อประชาชนเป็นพิเศษอย่างมาก ซึ่งผลงานที่ผ่านมาของ สมาชิกสภาซีเนตแห่งรัฐโอไฮโอผู้นี้ ได้ต่อสู้ให้แก่คนทำงานและเกษตรกรชาวอเมริกัน ที่มิใช่แต่เฉพาะในรัฐโอไฮโอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรัฐอื่นๆ อีกต่างหากด้วย ไม่ว่าจะเป็นรัฐเพนซิลเวเนีย รัฐมิชิแกน รัฐมินนิโซตา รัฐวิสคอนซิน และรัฐอื่นๆ ในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐอเมริกา

พลันที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ เอ่ยถึงชื่อบรรดารัฐเหล่านี้ ซึ่งหลายรัฐก็อยู่ในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐอเมริกา เช่น โอไฮโอ มิชิแกน มินนิโซตา และวิสคอนซิน เป็นต้น ว่า เป็นพื้นที่ที่ สว.แวนซ์ เคยได้แสดงผลงานในการต่อสู้ให้แก่คนทำงานและเกษตกร ในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้บรรดาคอการเมืองของสหรัฐฯ ระดับฮาร์ดคอร์ทั้งหลาย ได้รู้ทันทีเลยว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ หมายมั่นปั้นมือที่จะให้ผลงานของ สว.แวนซ์ กลายเป็นคะแนนในบัตรเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน ปลายปีนี้ เป็นประการสำคัญด้วย นั่นเอง

ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงเขตมิดเวสต์แล้ว ก็ต้องเป็นบอกว่า เป็นทั้งพื้นที่ “รัฐสมรภูมิ” หรือ “แบทเทิลสเตท” และ “รัฐที่คะแนนเลือกตั้งแปรเปลี่ยนไปมาเป็นอย่างสูง” หรือที่เรียกว่า “สวิงสเตท” ที่ทั้งรีพับลิกันและเดโมแครต ต่างพยายามชิงชัยเพื่อให้ได้มาของคะแนนเสียงทั้ง “ป๊อปปูลาโหวต” คือ “คะแนนเสียงจากประชาชน” และ “อิเล็กทอรัลโหวต” อันเป็นคะแนนเสียงของ “คณะผู้เลือกตั้ง” ในแต่ละรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จำนวนคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง หรืออิเล็กทอรัลโหวต ในแต่ละรัฐ ซึ่งมีจำนวนมากน้อยไม่เท่ากันนั้น ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งสองพรรค ล้วนต้องการเป็นอย่างมาก เพราะชี้ชะตาถึงการได้ หรือไม่ได้ ในตำแหน่งประธานาธิบดี

นอกจากนี้ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ และพลพรรครีพับลิกัน ยังวาดหวังว่า การเลือก สว.แวนซ์ มาชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทางพรรคฯ ในครั้งนี้ จะช่วยลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการชิงชัยในศึกเลือกตั้งของสองผู้เฒ่าทั้งของพรรคเดโมแครต คือ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีอายุมากถึง 81 ปีแล้ว และอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ทางพรรครีพับลิกัน ที่อายุ 79 ปี ซึ่งต้องถือว่า อายุมากแล้วเช่นกัน โดย สว.แวนซ์ มีอายุ 39 ปี ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ของทางพรรคฯ ก็น่าจะเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นหนุ่มสาว ให้มาเทคะแนนได้

โดยเบื้องต้นสำหรับเวที สว.แวนซ์ จะโชว์ผลงานเพื่อเรียคะแนนนิยมเป็นสังเวียนแรก ก็คือ เวทีการอภิปรายโต้วาทีเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ หรือดีเบต กับผู้สมัครรับเลือกตั้งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทางพรรคเดโมแครต ที่มีความเป็นได้สูงว่า น่าจะเป็น “นางกมลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ซึ่งทางพรรคเดโมแครต ก็คงจะเลือกรองประธานาธิบดีหญิงผู้นี้ มาสู้ศึกกันต่อไป ในการประกาศอย่างเป็นทางการของการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตเร็วๆ นี้

ว่ากันถึง สว.แวนซ์ ผู้สมัครชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทางพรรครีพับลิกันนั้น ดีกรีต้องบอกว่า ไม่ธรรมดา ทั้งในด้านการศึกษา ที่กล่าวได้เลยว่า เรียนจริง จบจริง ด้านกฎหมาย หรือนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ นั่นคือ มหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอ ในระดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเยล ซึ่งเป็นการเรียนหลังจากที่เขาลาออกจากการเป็นทหารหน่วยนาวิกโยธิน เมื่อปี 2007 (พ.ศ. 2550) เมื่อจบการศึกษาแล้วก็ทำธุรกิจทางการเงินร่วมลงทุน ก่อนผันตัวเองเข้าสู่ถนนการเมือง จนได้รับเลือกเป็น สว.ของรัฐโอไฮโอ บ้านเกิดของเขา ด้านครอบครัวของเขานั้น มีภริยาเป็นชาวอินเดียอพยพ ชื่อ นางอุษา ทั้งคู่พบกันครั้งแรกระหว่างเรียนที่มหาวิทยาลัยเยล คณะนิติศาสตร์ด้วยกัน และมีบุตรด้วยกัน 3 คน

นายเจดี แวนซ์ สว.รัฐโอไฮโอ และนางอุษา แวนซ์ ผู้เป็นภริยา (Photo : AFP)

ทั้งนี้ ในประเด็นเกี่ยวกับภรรยาของเขาซึ่งเป็นชาวอินเดียอพยพ เหล่านักวิเคราะห์ แสดงทรรศนะว่า น่าจะช่วยดึงคะแนนเสียงจากชาวอเมริกันผู้อยพพและคนผิวสีได้จำนวนหนึ่งด้วย

ในส่วนความคิดเห็นทางการเมืองของ สว.แวนซ์นั้น เดิมทีต้องถือเป็นคู่ปรับของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยซ้ำ เพราะแสดงความคิดเห็นต่อต้านทรัมป์หลายครั้งในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของทรัมสมัยแรก ถึงขนาดเรียกนายทรัมป์ว่า เป็นคนที่น่าตำหนิเหมือนฮิตเลอร์ ก่อนเปลี่ยนใจ และเปลี่ยนความคิดเห็นในเวลาต่อมา เมื่อนายแวนซ์ ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากนายทรัมป์ และนายปีเตอร์ เธียล มหาเศรษฐีธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์ จนทำให้เขาชนะเลือกตั้ง สว.รัฐโอไฮโอ เมื่อปี 2022 (พ.ศ. 2565) ส่งผลให้เขาได้กลายเป็นพันธมิตร และคู่หู ชิงรองประธานาธิบดีของนายทรัมป์ไปในที่สุด

การเลือกตั้งสว.ที่รัฐโอไฮโอ เมื่อปี 2022 (พ.ศ. 2565) ที่กลายเป็นจุดหักเหทำให้นายเจดี แวนซ์ เปลี่ยนจากคู่ปรับมาเป็นพันธมิตร และคู่หูของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในที่สุด (Photo : AFP)