๏ เมฆพลิ้วพลิ้วปรายตาขอบฟ้าเมือง
แลไปเบื้องมณฑลทุกหนกว้าง
นา,สายน้ำ,ขุนเขาห่มเงาพราง
เห็นรายทางแจ่มตาเนินผาไพร

๏ลานเครือญาติพานพบต้องรบกัน
เพื่อช่วงชิงแดนฝันอันยิ่งใหญ่
มังกรรอทะยานน่านฟ้าไกล
ความเป็นใหญ่ท้าทายค่อยฉายชัด

๏ หงส์ดรุณเสนอแผนเข้าแดนถิ่น
ค่อยกลืนกินเผยแย้มแจ่มจรัส
อ้างเงื่อนไขตามลมโหมพรมพัด
หรือรวบรัดฆ่าฟันประจัญบาน

๏ ห้าขุนพลเดชพยัคฆ์พิทักษ์อยู่
นาม “กวนอู” – “เตียวหุย” สู้ลุยหาญ
เฒ่าฮองตง-ม้าเฉียวผู้เชี่ยวชาญ
ยอดทหาร “จูล่ง” มั่นคงนัก

๏ ผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร
เอกบุรุษ “เจียวอ้วน” ควรประจักษ์
อีก “บิฮุย” มั่นคงซื่อตรงพักตร์
บำรุงรักษ์นาม “ตันอุน” ค้ำจุนเมือง

๏ ปรายตาชมผ่านด่านโปยสิก๋วน
มิ่งขวัญสวนผ่านตะวันอันนานเนื่อง
ผ่านจันทร์เพ็ญแรมลอยเมฆคล้อยเรือง
บึงบัวเพลงร่ายเรื่องเบื้องชีวิต ๚

มหา สุรารินทร์

อุทยานฟู่เล่อซาน สถานที่เล่าเจี้ยงเลี้ยงรับรองเล่าปี่ที่อุทยานฟู่เล่อซาน
เมืองเหมียนหยาง 12 มิถุนายน 2567 เวลา 14.59น.

เมืองโปยเสียเป็นที่ตั้งของด่านโปยสิก๋วน ปัจจุบัน เมืองเหมียนหยาง 绵阳เมืองใหญ่อันดับสองของเสฉวน ด้านตะวันออกของกลางเมืองเหยียนหยางมีภูเขาขนาดย่อมลูกหนึ่ง ตามประวัติของเมืองบันทึกว่าชื่อ ตงซาน ภายหลังเมื่อเล่าปี่ครองเสฉวนได้เป็นชื่อเป็น ฟู่เล่อซาน "อุทยานฟู่เล่อซาน 富乐山" ซึ่งหมายถึงภูเขาสมบูรณ์พูนสุข สมัยสามก๊กเป็นสถานที่ เล่าเจี้ยง - เล่าจัง 刘璋 ผู้ครองเมืองเสฉวนเวลานั้นใช้เป็นสถานที่เลี้ยงต้อนรับเล่าปี่ในคราวยกทัพเข้าเมืองเสฉวน แล้วเล่าเจี้ยงนำเล่าปี่ชมความอุดมสมบูรณ์ของเสฉวนจากฟู่เล่อซานแห่งนี้

ต่อมา จึงมีการสร้าง หอฟู่เล่อเก๋อ 富乐阁อันสง่างามขึ้นมาเป็นอนุสรณ์เหตุการณ์ครั้งนั้นมีอาคารประติมากรรมนูนต่ำงานเลี้ยงรูปปั้นขงเบ้ง-เล่าปี่ปรายหน้าไปทางไหล่เขาแลไปเบื้องหน้าหอสูงห้าขั้นจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับสามก๊กบุคคลสำคัญของจ๊ก๊กลงมาด้านล่างมีการจัดสวนดอกไม้อย่างสวยงามตามไหล่ทางมีรูปปั้นดล่าปี่กำลังรับฟังข้อเสนอสามข้อของบังทองที่เป็นกุนซือในการยกทัพมาเสฉวนครานั้นโดยแผนแรกคือแผนขั้นสูง เลือกทหารชั้นดีเพื่อก่อตั้งกองกำลังชั้นยอดและรุกเข้าเซงโต๋อย่างรวดเร็ว บังคับให้เล่าเจี้ยงยอมจำนนและมอบมณฑลเอ๊กจิ๋ว บังทองยังเชื่อว่าเล่าเจี้ยงไม่มีความสามารถในด้านการทหารและย่อมไม่ได้เตรียมการรับมือ ดังนั้นโอกาสสำเร็จจึงมีสูง บังทองถือว่านี่เป็นแผนที่ดีที่สุด

ในส่วนแผนขั้นกลางแผนที่สองเนื่องจากทราบว่าเอียวหวย (楊懷) และโกภาย (高沛) เป็นขุนพลมีชื่อเสียงผู้นำกองกำลังที่แข็งแกร่งในการป้องกันด่านโป๊ยสิกวนและก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยแนะนำเล่าเจี้ยงให้ส่งเล่าปี่กลับเกงจิ๋ว ดังนั้นก่อนจะนำทัพรุกคืบ ให้แพร่ข่าวลือว่าเล่าปี่กำลังจะกลับเกงจิ๋วโดยอ้างว่าเกงจิ๋วตกอยู่ในอันตราย เล่าปี่จึงต้องการไปช่วย ให้ทำทีว่าจะนำทหารถอยกลับไป ด้วยชื่อเสียงของเล่าปี่ประกอบกับเอียวหวยและโกภายก็อยากให้เล่าปี่กลับไปอยู่แล้ว ทั้งคู่จะต้องออกมาส่งเล่าปี่พร้อมทหารม้าจำนวนน้อยห่างจากด่านบนภูเขาที่พวกเขารักษาอยู่ ให้จัดการสังหารทั้งคู่และเข้าคุมตำแหน่งกับกองกำลังของพวกเขา สุดท้ายจึงรุกเข้าเซงโต๋โดยหาข้ออ้างในการรบยึดเสฉวนอย่างชอบธรรม

สุดท้ายแผนสามที่เป็นแผนขั้นต่ำคือหยุดคิดเรื่อฃเสฉวนถอยไปเกงจิงและรอโอกาสอื่นเข้าโจมตี บังทองถือว่านี่เป็นแผนที่แย่ที่สุด

บังทองบอกเล่าปี่ว่าถ้าใช้เวลาตัดสินใจนานเกินไปและไม่ทำอะไรสักอย่างจะตกอยู่ในอันตรายและไม่อาจรอดได้ เล่าปี่ตัดสินใจเลือกปฏิบัติตามแผนขั้นกลาง เพราะไม่รีบแต่ก็ไม่ช้าและรัดกุมเลือกสังหารเอียวหวยและโกภาย นำกองกำลังมุ่งไปยังเซงโต๋ พิชิตได้ดินแดนหลายแห่งของเล่าเจี้ยงไปตลอดทางเพราะแผนแรกรีบเร่งไปส่วนแผนสามนั้นเนิ่นนานชักช้า

วิหารเก๋งจำลองรูปปั้นงานเลี้ยงต้อนรับเล่าปีมีทั้งขุนนางทั้งสองฝ่ายเพลินกับเสียงเพลงชาวบ้านมีมาร้องรำทำเพลงกันอย่างรื่นรมย์

จุดหน้าสนใจริมบึงบัวขนาดใหญ่มีรูปปั้นห้าทหารเสือแห่งจ๊ก(กวนอู, เตียวหุย, ม้าเฉียว, ฮองตงและจูล่ง)กับสี่เสาหลักแห่งจ๊กก๊ก(ขงเบ้ง, เจียวอ้วน, บิฮุยและตันอุน) ตีนเขาทงออกจากอุทยานเป็นมิวเซียมเมืองเหมียนหยางมิวเซียมระดับเมืองที่จัดแสดงโบราณวัตถุพัฒนาการทางสีงคมตั้งแต่อดีตจนถุงปัจจุบันในอาคารขนาดใหญ่3ชั้นรวมทั่่งนิทรรศโบราณวัตถุกมุนเวียนจากมณฑลอื่นๆและการแสเงผลงานศิลปร่วมสมัยเปิดให้เข้าชมฟรีและต้องแลกบัตรเพื่อเข้าชม

ชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต - มหา สุรารินทร์

 

 

#ชินวัฒน์ตั้งสุทธิจิต #มหาสุรารินทร์