“นายกฯ” มอบอุปกรณ์ป้องกันและตอบโต้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ช่วย จนท.ปลอดภัย แนะ จับกุมได้ให้รางวัลเป็นสินน้ำใจ ชี้ปัญหาเมียนมาละเอียดอ่อน ไม่ก้าวก่าย

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ก.ค. ที่บริเวณทางเชื่อมตึกไทยคู่ฟ้าและตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบอุปกรณ์ป้องกันและตอบโต้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด แก่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการทหารบก อาทิ กล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหว อากาศยานไร้คนขับ กล้องอำพรางแบบเคลื่อนที่ ชุดเฝ้าตรวจระยะไกลทางยุทธวิธีชนิดกระเป๋าหิ้ว เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น

 

โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ท.ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมด้วย

 

โดยเลขาป.ป.ส.รายงานว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีอนุมัติบอร์ดป.ป.ส.ให้กองทัพภาคที่ 3 โดยแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นซิงเกิล คอมมานด์ในการตั้งหน่วยบัญชาการป้องกันและสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนในภาคเหนือ ซึ่งนายกฯบัญชาให้ 1.ป.ป.ส .จัดสรรเครื่องมือและเน้นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติปลอดภัยและ2.ภารกิจที่รับมอบหมายสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนต้องมีประสิทธิภาพ ซึ่งป.ป.ส.ได้จัดสรรงบประมาณให้กับกองทัพภาคที่ 3 โดยกองทัพบกให้มีเครื่องมือ  ซึ่งจะเห็นว่าผลงานปฏิบัติที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ โดยนายกฯชมเชยกองทัพภาคที่ 3 ว่ามีผลงานการจับยาเสพติดมากเป็นพิเศษมากขึ้นหลาย

 

จากนั้นนายกฯ เดินชมอุปกรณ์  ก่อนสอบถามว่าอุปกรณ์คืออะไรบ้าง  และมีการสอบถามว่าโดรนใช้อย่างไร ถ้าฝ่ายตรงข้ามมีโดรนบิน เราก็ใช้โดรนของเรายิง บินตกได้ใช่หรือไม่   ส่วนรถโฟร์วิลใช้ทางลาดได้ดี  ฝากกองทัพบกให้ดูแลเรื่องรถยนต์ด้วยให้เพียงพอ เพราะว่ารถยนต์ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญ  

 

นอกจากนี้ นายกฯ ยังหันไปสอบถามว่า ผู้ปฏิบัติแนวหน้าทั้งหลายพอใจหรือไม่ที่ได้มาขนาดนี้ แต่ก็จะทยอยๆมา  ก่อนถามอีกว่า เจ้าหน้าที่ว่าพอใจกับอุปกรณ์หรือไม่ด้วย  รวมถึงสอบถามอีกว่าเราพบหรือยังว่ามีการใช้โดรนขนยาเสพติด 

 

โดยเจ้าหน้าที่ตอบว่า ยังไม่มี ก่อนที่นายกฯ กล่าวว่า แต่ที่สหรัฐอเมริกามี และปัจจุบันมีการขนถ่ายสินค้า โดยไม่มีคนขับในการขนส่งยาเสพติดเคยพบบ้างหรือไม่    ด้านเลขาป.ป.ส. กล่าวว่า ยังไม่มี โดยเร็วๆนี้จะจัดให้มีการประชุมร่วมกับท้องถิ่น 8 แขวงนครเวียงจันทน์ ประเทศลาว

 

จากนั้นนายกฯ กล่าวเนื่องในโอกาสมอบอุปกรณ์ว่า เรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องวาระแห่งชาติ สืบเนื่องจากรัฐบาล ร่วมกับกองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปปส. กระทรวงสาธารณสุข เพื่อกวาดล้างยาเสพติดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำให้หมด โดยเรามีมาตรการ ที่จะออกให้เป็นพื้นที่สีขาวทั้งจังหวัด คือจังหวัดน่านและจังหวัดร้อยเอ็ด นี่คือเรื่องเริ่มต้นทั้งหมดก่อน ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้วปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่มากกัดกร่อนสังคมไทยมานาน ถึงเวลาที่เราจะต้องกำจัดให้หมดไป แต่การที่รัฐบาลและทุกหน่วยงานลงพื้นที่ มีหลายขั้นตอนที่จะต้องแก้ไขปัญหา ตรงนี้ถือว่าเป็นต้นตอคือเรื่องของการตัดซัพพลายเชน(กระบวนการผลิต) ของยาเสพติดทั้งหมด ซึ่งส่วนมากมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาวและเมียนมา 

 

นายกฯ กล่าวว่า ฉะนั้นเรื่องอุปกรณ์จึงเป็นเรื่องสำคัญ สัปดาห์ที่แล้วก็มีเรื่องเศร้าที่การสูญเสียเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนหนึ่งอาจจะมีอุปกรณ์ไม่ครบ อย่างที่ตำรวจใช้ไฟฉายเข้าไปส่อง เมื่อผู้ต้องหาเห็นไฟฉายก็รู้ว่ามีตำรวจเข้ามา เขาก็ยิงสวนออกมาทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ตนจึงมาเน้นกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าเรื่องของอุปกรณ์เป็นเรื่องสำคัญ วันนี้เราก็เห็นแล้วว่าเราพยายามที่จะทำให้เยอะที่สุด แต่การป้องกันและการปราบปราม ภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มีพื้นที่ราบสูงเยอะ การใช้รถโฟวิลจึงเป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงการใช้โดรนในการสำรวจต่างๆ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ฝ่ายเรามี ฝ่ายเขาก็มี เขาใช้โดรนขึ้นมาส่องว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่ตรงไหน เราต้องมี ระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (แอนตี้ โดรน) ที่จะไปยิงโดรนเขาตกลงมา ฉะนั้นเรื่องเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราก็ต้องมีการติดตามตรงนี้ 

 

นายกฯ กล่าวว่า ตนได้สั่งการเลขา ปปส.ว่าในประเทศที่เขาเริ่มมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นในการขนถ่ายยาเสพติด เขาทำอย่างไรบ้าง เช่น ประเทศเม็กซิโกที่มีการขนถ่ายยาเสพติดเข้าสหรัฐอเมริกาโดนใช้โดรนเป็นตัวขนส่ง ซึ่งตรงนี้เราก็ต้องพัฒนามีการไปประชุมหาข้อมูลให้ได้เพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่ยาบ้าอย่างเดียว เรื่องเฮโรอีนก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมีตลาดที่ผ่านไทยแล้วส่งออกไปก็คือสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย 

 

“ บ่ายวันเดียวกันนี้จะมีการพูดคุยกับทูตออสเตรเลียว่า จะมีการทำงานร่วมมือกันในการตัดตอนเรื่องการส่งเฮโรอีนออกไป เพราะมูลค่าที่เราจับเพิ่มมากขึ้นจำนวนมาก ทั้งนี้ตนได้มีการโทรศัพท์หารือกับทูตสหรัฐอเมริกาและจะมาหารือกันในสัปดาห์หน้าว่าจะทำอย่างไร ที่จะช่วยในการตัดตอนเรื่องยาเสพติด เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเราต้องทำงานอย่างบูรณาการกับทุกภาคส่วนตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ” 

 

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้วันนี้ก็เห็นแล้วว่ามีทั้งเลขาปปส. ผู้บัญชาการทหารบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เมื่อกี้มีการกล่าวถึงกองทัพภาคที่ 3 เยอะมาก เพราะทำงานร่วมกับฝ่ายปกครองได้เป็นอย่างดีก็จะนำเป็นโมเดลในการทำงานกับภาคต่างๆ รวมถึงเรื่องขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต้องพร้อม เรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ

 

นายกฯ กล่าวว่า นี้หากมีการจับกุมได้ก็มีกฎกติกาอยู่ว่าจะต้องมีการให้รางวัลกันอย่างไร เรื่องนี้ก็ต้องดูแลกันให้ดี เรื่องของการแบ่งปันปันส่วนให้มีความเหมาะสม เราอยากให้มีการทำงานร่วมมือร่วมใจกันอย่างติดใจว่าจะมีการแบ่งผลประโยชน์กันอย่างไร ไม่ใช่เจ้าหน้าที่เขามาในเรื่องนี้ แต่เราในฐานะผู้บังคับบัญชาจะต้องดูแลให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนให้ดี เรื่องระยะเวลาที่จะได้ผลตอบแทนก็เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่ใช้เวลา 5-6 ปีถึงจะได้ บางคนเกษียณไปแล้วก็ยังไม่ได้ ซึ่งเราอาจจะต้องแบ่งเป็นสองส่วน เมื่อยึดทรัพย์ได้แล้วก็ให้เป็นส่วนหนึ่ง ตอนที่จับได้ก็ต้องเป็นสินน้ำใจ ในส่วนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจตรงนี้ ยืนยันว่ามีงานภารกิจอีกเยอะมากตรงนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เราจะเริ่มต้น ก็ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนและขอเป็นกำลังใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเรื่องของความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

 

เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ต้องการอุปกรณ์เยอะมาก นอกจากงบประมาณของเหล่าทัพ ตำรวจ จะมีตรงไหนที่นำมาเสริม หรือจะมีการพูดคุยกับสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (Drug Enforcement Administration - DEA) ให้สนับสนุนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ที่พูดมาครบหมด ตนพูดกับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ท่านจะไปเตรียมการบ้านเพื่อมาหารือกับตน และวันนี้จะเป็นการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยเป็นครั้งแรก ส่วนเรื่องงบประมาณเสริมไม่ต้องห่วง ทางเราเต็มที่เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งก่อนที่ตนจะลงมาแถลงข่าวตนได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับผบ.ทบ.เรื่องยาเสพติด เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ยืนยืนยันว่าเรื่องอุปกรณ์เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความซับซ้อนในการลำเลียงเข้ามาถือว่ามีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

 

เมื่อถามต่อว่า มีเรื่องหนึ่งที่กองกำลังผาเมืองรายงานมา จากสถานการณ์เมียนมาที่สู้รบกัน ทำให้ชนกลุ่มน้อยเพิ่มกำลังการผลิตยาเสพติดเพิ่มขึ้น ตรงนี้จะช่วยกันแก้ปัญหาอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ถือเป็นประเด็นที่สำคัญที่เราต้องหยิบยกขึ้นมาพูดคุย ไม่ใช่แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย เป็นประเด็นความมั่นคงในประเทศเขา ซึ่งเราไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นข้อแก้ตัวการที่เราไม่ทำงานกัน ซึ่งเราก็พูดคุยกับ ผบ.ทบ. เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องมีการพูดคุยและประสานงานกันระหว่างกระทรวงต่างประเทศด้วย เพราะบางทีเราเห็นโรงงานแค่ข้ามชายแดนไปก็ต้องดูกันให้ดี เรื่องความละเอียดอ่อนและความสัมพันธ์ของประเทศด้วยเหมือนกัน ก็ทำงานร่วมกันในทุกภาคส่วน 

 

นายกฯ กล่าวว่า อีกภาคส่วนหนึ่งที่เราพูดน้อย คือ กระทรวงสาธารณสุข ที่มีการบำบัด ฟื้นฟู และดูแลผู้ติดยาเสพติด ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำร่วมกับกองทัพ อย่างโมเดลที่จังหวัดน่าน ซึ่งถือเป็นพื้นที่บำบัดครบวงจรมมีที่พัก มีการสอนให้ประกอบอาชีพ เพราะเราเองไม่อยากให้ทุกคนบำบัดเสร็จแล้วไม่มีอาชีพกลับไป กลุ้มใจไปเสพยาอีก และทหารเองก็มีเรื่องการสอนการตัดผม เรื่องการก่อสร้าง เพื่อสร้างรายได้ให้เขาและอยากให้เข้ามาอยู่ในการดูแลของกองทัพ ส่วนกระทรวงสาธารณสุขเองก็ดูเรื่องการตรวจและการบำบัดควบคู่กันไป ตนเชื่อว่าไม่ใช่แค่ภารกิจที่จะต้องรวบรวมกันหลายกระ กระทรวงและหลายหน่วยงาน เรื่องของความสมัครสมานสามัคคี อย่างเช่นวันนี้ท่านก็เห็นแล้ว ว่าที่มาทุกคนวันนี้ทุกคนก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก

 

เมื่อถามอีกว่า นายกฯ อุ่นใจหรือไม่มีทั้งทหารและตำรวจมาร่วมกัน นายเศรษฐา กล่าวว่า อุ่นใจในแง่ของการทำงานเป็นทีมไทยแลนด์ แต่ไม่อุ่นใจในแง่ของปัญหาที่เยอะมากเหลือเกิน ไม่ใช่ค่อยๆทำ ก็ต้องเร่งรีบทำกันไป