สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยจัดพิธีมอบรางวัลโครงการเพื่อพัฒนาเมืองแห่งศิลปะ ปี 2567 จำนวน 3 เมือง ได้แก่ จังหวัดกระบี่ จังหวัดเชียงราย และนครราชสีมา โดยมีนายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรมว.วัฒนธรรม เป็นประธานมอบรางวัล นายโกวิท ผกามาศ ผอ.สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมงาน เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กรุงเทพฯ
นายวิเชียร เลขานุการรมว.วัฒนธรรม กล่าวภายหลังมอบรางวัลฯ ว่า สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย(สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) จัดกิจกรรมประกวดข้อเสนอโครงการเพื่อพัฒนาเมืองแห่งศิลปะ ปี 2567 โดยเปิดรับข้อเสนอโครงการเพื่อดำเนินการในจังหวัดกระบี่ เชียงราย และนครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่เมืองแห่งศิลปะ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์บนฐานทุนวัฒนธรรม โดยมีเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม ซึ่งมีผู้สนใจส่งโครงการเข้าร่วมการประกวดจำนวนทั้งสิ้น จำนวน 61 โครงการ ได้แก่ จ.กระบี่ 15 โครงการ จ.เชียงราย 17 โครงการ และนครราชสีมา 29 โครงการ
นายโกวิท ผกามาศ ผอ.สศร. กล่าวว่า โครงการเพื่อพัฒนาเมืองแห่งศิลปะปี 2567 จะเป็นแบบอย่างของการขับเคลื่อน Soft Power ของเมืองไปสู่การพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ซึ่งก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สังคมและเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืน โดยคณะกรรมการได้พิจารณาตัดสิน รางวัลดีเด่น จังหวัดละ 1 รางวัล รวม 3 รางวัล ได้รับโล่เกียรติยศ และเงินรางวัล จำนวน 50,000 บาท และจะได้รับการสนับสนุนการสร้างสรรค์งานตามข้อเสนอโครงการ ภายในวงเงินงบประมาณ 500,000 บาท ดังนี้ จ.กระบี่ ได้แก่ โครงการศาสตร์ศิลป์โนรา มรดกทางภูมิปัญญาจากงาน Local สู่ เลอค่าร่วมสมัย โดยนายวิทวัส ค้าของ จ.เชียงราย ได้แก่ โครงการทุกที่ คือแกลลอรี พัฒนาสถานประกอบการในจังหวัดเชียงรายให้เป็นพื้นที่ทางเลือกสำหรับจัดแสดงศิลปะร่วมสมัย ไปจนถึงโรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก กิจกรรมเวิร์คช็อปด้านศิลปะและที่พำนักศิลปินอย่างยั่งยืน โดยน.ส.กีรติ วุฒิสกุลชัย และ จ.นครราชสีมา ได้แก่ โครงการศิลป์ ดิน ปั้น สร้างสรรค์มูลค่าผลผลิตทางวัฒนธรรม โดยนายนิมิตร พิพิธกุล
ทั้งนี้ โครงการเพื่อพัฒนาเมืองแห่งศิลปะปี 2567 จะเป็นแบบอย่างของการขับเคลื่อน Soft Power ของเมืองไปสู่การพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ซึ่งก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สังคมและเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืน