เมื่อวันที่ 17 ก.ค.67 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) เครือข่ายเยาวชนไม่นะกัญชาและยาเสพติด (YNAC) ร่วมกับเครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ และภาคประชาชน ได้เข้ายื่นหนังสือถึงประธานและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เรื่องขอให้คณะกรรมการฯ มีมติความเห็นชอบให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด

โดย รศ.นพ. สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ ได้กล่าวอ้างถึง 200,000 รายชื่อ ของภาคประชาชนที่ได้ร่วมลงชื่อ เห็นชอบให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด และ 80,000 รายชื่อ (80%) ที่เห็นชอบกับร่างประกาศกระทรวงฯ ถือว่าเป็นมติของประชาชน ที่ประธานและคณะกรรมการปปส. ไม่ควรเพิกเฉยต่อความเห็นของประชาชน และล่าสุดงานวิจัยของ UNODC ยืนยันการใช้กัญชาเสี่ยงต่อการเสพติดกัญชา และปัญหาจิตเวช แน่นนอน

นายยศกร ตัวแทนเครือข่าย YNAC กล่าวว่า มาให้กำลังใจและมาให้ข้อมูลกับคณะกรรมการป.ป.ส. มีมติเห็นชอบให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอย่างเอกฉันท์ เพราะที่ผ่านมา ผลกระทบทางสังคม ผลกระทบทางสุขภาพ โดยเฉพาะเยาวชน เข้าถึงกัญชาได้ง่ายขึ้นมีเสียงจากผู้ปกครองมาพูดให้ฟังบ่อยๆว่า เด็ก แอบเอากัญชามาสูบ และ บางบ้านที่ไม่มีการปลูกกัญชาก็มีการไปขโมยกัญชา จากบ้านที่ปลูกและเอามาสูบกัน เป็นภาพที่เห็นกันอย่างชินตา อีกทั้งต้นทุนทาง ในการรักษาก่อนปลดล็อคกัญชาอยู่ที่ 3,800 ล้านแต่หลังปลดล็อค ต้นทุนอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท และเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มีมติ คณะกรรมการปปส. ให้เห็นชอบปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดแต่มีเงื่อนไขว่า ต้องมีกฎหมายในการควบคุม ภายใน 120-180 วันก่อนถึงจะปลดได้ แต่ด้วยเหตุผลอันใดก็ไม่ทราบ ยังไม่มีกฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมแต่ 9 มิถุนายน2565 ได้มีการปลดล็อคกัญชาออกมาแล้ว จึงขอเชิญชวนคณะกรรมการปปส. กว่า 30 กว่าท่านให้ลงมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ เพื่อที่จะแก้ไขสิ่งที่ปลดออกมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว อย่างเร่งด่วนเพื่อลดความสูญเสียทางสังคม ที่จะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ นายธนากร คัยนันท์ ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นตัวแทนเข้ารับหนังสือจากเครือข่ายฯ และจะดำเนินการเรียนต่อประธานและคณะกรรมการฯ ต่อไป

///////