จากกรณีที่เวลา 20.00น. วันที่ 16 ก.ค.67 ตึกบริเวณชั้น 2 สภ. ปากเกร็ด ถูกไฟไหม้บริเวณห้องเก็บเอกสาร และบริเวณด้านล่างเป็นห้องคุมขังผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลนครปากเกร็ดได้นำรถน้ำจำนวน 8 คัน เร่งใช้น้ำฉีดสกัดเพลิง ใช้เวลาประมาณ30 นาทีสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ คาดว่าส่าเหตุเบื้องต้นน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหา 3 คน ส่งไปฝากขังที่สภ. รัตนาธิเบศร์เป็นการชั่วคราวเนื่องจากกระแสไฟฟ้าดับทั้งอาคารที่คุมขังผู้ต้องหา
ล่าสุดวันที่ 17 ก.ค. 67 เวลา 10.30 น. ที่สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ปวรชัย บุรากรณ์ ผกก.สอบสวน ภ.จว.นนทบุรี เดินทางมาที่สภ.ปากเกร็ด สอบปากคำ พ.ต.ท.เฉลิมพล ซื่อสัตย์ รองผกก.สอบสวน.สภ.ปากเกร็ด และร.ต.ท.ชัยณรงค์ วงคันโซ รองสว.(สอบสวน)สภ.ปากเกร็ด กรณีเหตุไฟไหม้เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สำรวจพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ บริเวณชั้น2 หน้าห้องธุรการสภ.ปากเกร็ด พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจนฺหลักฐานจ.นนทบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุเกิดเพลิงไหม้ เบื้องต้นจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีร่องรอยการหยดจากสายไฟ ขณะนี้อยู่ระหว่างให้จนท.ฝ่ายสืบสวนไล่ดูกล้องวงจรปิด
จากการสอบถามเจ้าหน้สที่ตำรวจหน้าห้องผู้ต้องขัง ให้ข้อมูบกับผู้สท่อข่าวว่า ตนได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณ 20.00 น. ได้ยินเสียงไฟประทุดังมาก ขณะอยู่หน้าห้องผู้ต้องขัง หลังจากนั้นไฟก็ได้ดับบริเวณจุดที่ตนอยู่มืดสนิท ซึ่งตามสัญชาตญาณของตน รีบเข้าไปตรวจสอบในห้องผู้ต้องขังก่อน เนื่องจากมีผู้ต้องหาอยู่ในห้องเป็นผู้ต้องหาชายจำนวน 3 ราย บริเวณด้านในตามปกติมืดอยู่ ตอนไฟดับก็จะมืดยิ่งกว่า ตนจึงได้เปิดไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้องผู้ต้องขังเพื่อนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ออกมาจากพื้นที่
ขณะที่ตนเข้าไปในห้องขัง ทางผู้ต้องหาก็ได้ตะโกนขอความช่วยเหลือว่า “ช่วยผมด้วย” ทางผู้ต้องหากำลังตกใจกับเหตุการณ์นี้ ตนจึงรีบเข้าช่วยเหลือนำตัวทั้ง 3 คน ออกมาจากห้องขัง แล้วนำตัวขึ้นรถผู้ต้องขังที่จอดอยู่ในโรงพักไว้ก่อน เนื่องจากกลัวไฟรุกรามมาบริเวณด้านล่าง เพราะเหตุเกิดเป็นชั้น 2 ซึ่งอยู่ด้านบนห้องผู้ต้องขัง จากนั้นตนก็ได้โทรรายงานผู้บังคับบัญชาว่าเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ก่อนจะได้รับคำสั่งแล้วนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ไปฝากขังชั่งคราวที่สภ.รัตนาธิเบศร์ ซึ่งเหตุการณ์นี้ตนต้องรักษาชีวิตของผู้ต้องหาไว้ก่อนเป็นอันดับแรก