‘ลิณธิภรณ์‘ ปลุก ‘ธปท.’ ตอบสนองนโยบายรัฐบาล ร่วมมือแก้หนี้ช่วยประชาชน เสริมประสิทธิภาพกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ด้วยโครงการดิจิทัลวอเล็ต
วันที่ 17 ก.ค.67 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 ว่า ประเด็นวาระสำคัญของรัฐบาลขณะนี้คือการแก้หนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90% ของจีดีพี หรือราว 10 ล้านล้านบาท และหนี้เสียกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีตระหนักดีว่าหากแก้หนี้ครัวเรือนไม่ได้ เศรษฐกิจไทยจะเดินหน้าต่อลำบาก รัฐบาลจึงเดินหน้ามาตรการเฉพาะหน้า ยืดเวลาผ่อนชำระกลุ่มกู้ยืมธนาคารเพื่อนการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.อ.ส.) ได้ถึงอายุ 80 ปี ส่วนข้าราชการถึงอายุ 85 ปี และให้ผ่อนต่ำในช่วงปี 1-5 ปีแรก แค่ 1,000 บาทต่องวด เพื่อช่วยให้ลูกหนี้ตั้งตัวและกลับมาผ่อนได้ปกติอีกครั้ง รวมถึงหนี้สินรถยนต์ โดยเฉพาะรถกระบะและรถจักรยานยนต์ที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินนั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ รมว.คลัง เจรจากลุ่มลิสซิ่งต่อไป สำหรับกลุ่มหนี้บัตรเครดิตที่หนี้เสียเพิ่มขึ้นเร็วนั้นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีหน้าที่กำกับนโยบายการเงิน จึงควรเร่งช่วยผ่านคลินิกแก้หนี้ เร่งเจรจาบริษัทบัตรเครดิตเข้าร่วมกลไก ปรับอัตราการจ่ายขั้นต่ำจาก 8% เหลือ 5% อย่างในช่วงโควิด-19 เพื่อให้ทุกเศรษฐกิจทุกภาคส่วนสามารถเดินหน้าได้ต่อไป
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการระยะยาว รัฐบาลมุ่งเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่เตรียมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ แม้ ธปท. จะมีความเห็นเช่นเดิม แต่รัฐบาลโดยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ยืนยันว่า ระบบลงทะเบียนเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล รัฐบาลสามารถบริหารจัดการงบประมาณได้อย่างแน่นอน ตามวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
“หนี้สินภาคครัวเรือน แก้ไม่ได้ด้วยความมุ่งมั่นของรัฐบาลฝ่ายเดียว แต่ ธปท. ต้องตื่นตัวตอบสนองด้วย หากอยากเห็นเศรษฐกิจไทยเติบโตและห่วงใยพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง หน้าที่อะไรที่ควรทำ หนี้รถ บัตรเครดิต ก็ขอให้เร่งดำเนินการ ประชาชนไม่ต้องการเห็นหน่วยงานใดทำให้ประเทศเสียประโยชน์ คนไทยจะได้ไม่ต้องตั้งคำถามว่า แบงก์ชาติมีไว้เพื่อใคร” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว