วันที่ 16 ก.ค 68 ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ  ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าวภายใต้การอำนวยการของ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 ได้ร่วมกันจับกุม นางสาวกัญญาพัชร (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1076/2567 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่า “ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัยหรือรับไว้ซึ่งบุคคลใดโดยข่มขู่ ใช้อำนาจโดยมิชอบ ร่วมกันเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือชักพาไปเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีและไม่ว่าการกระทำต่างๆ อันประกอบด้วยความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร” อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 และประมวลกฎหมายอาญา โดยจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้ว และแจ้งว่าต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว (ปท.1)ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ให้ผู้ต้องหาได้รับทราบ รวมทั้งได้แจ้งพนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ และนายอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการแล้ว จากนั้นได้ควบคุมตัวส่งมอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป  
                
คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 279/2565 ของกองคดีการค้ามนุษย์ โดยนางสาวกัญญาพัชร (สงวนนามสกุล) มีพฤติการณ์เป็นนายหน้าจัดหาหญิงไทยไปทำงานนวดที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ โดยใช้ช่องทางโซเชียล เมื่อส่งหญิงไทยให้นายหน้าชาวต่างชาติแล้วจะถูกบังคับให้นวดและขายบริการให้แก่ผู้ใช้บริการ พนักงานสอบสวน คดีพิเศษจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
               
ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการ ของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงการ บังคับบัญชา จัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยเฉพาะหมายจับที่ใกล้ขาดอายุความ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป