นักแสดงสาวสายสุขภาพ "นุ่น-สินิทธา บุญยศักดิ์" เปิดใจเล่าถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป หันมาใส่ใจสุขภาพสาเหตุจากการป่วยเป็นโรคเนื้องอก ทำทุกวิถีทางจนต้องใช้การรักษาแบบ Water Fasting เพราะต้องการมีอิสรภาพทางการแพทย์  ในรายการ "On the way with Chom" โดยมีซูเปอร์สตาร์ตัวแม่ "ชมพู่ - อารยา เอ ฮาร์เก็ต" รับหน้าที่เป็นพิธีกร

พี่นุ่นได้เลือกวิธีการ Water Fasting เพื่อที่จะรักษาเนื้องอก จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ได้ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์กลายมาเป็น ️Health Coach มาสายนี้ได้ยังไง ?

นุ่น สินิทธา : เกิดจากที่ไม่ป่วยไม่รู้สึก ไม่ป่วยไม่สำนึก เบสิคของคำพูด คือ You Are What You Eat แต่จริงๆ แล้ว You Are What You Lifestyle มันมากกว่า มันคือวิถีชีวิตทั้งชีวิตที่เราทำมา แล้ววันหนึ่งมันส่งผลต่อสุขภาพและร่างกาย แต่วิธีการแก้ เราแก้ไม่ตรงจุดสักที เพราะเราไม่ได้แก้เรื่องกิน ไม่แข็งแรงเราไปออกกำลังกาย ไม่แข็งแรงควรจะกินอาหารที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้เรามากขึ้น แต่เราไม่เข้าใจว่าจริงๆ แล้วควรจะกินอาหารประเภทไหนที่ร่างกายเราต้องการ แล้วควรจะกินเมื่อไหร่ ควรจะหยุดกินเมื่อไหร่

ก่อนที่จะมาตรวจเจอเนื้องอกไลฟ์สไตล์เป็นแบบไหน ?

นุ่น สินิทธา : ครั้งแรกที่ตรวจพบเนื้องอก จะบอกว่าที่ทำมาตลอดชีวิตออกกองถ่าย เปิดตู้เย็นตอนเช้าอะไรก็แล้วแต่เป็นประจำ 20 กว่าปี คือมาตรวจพบตอนอายุ 30 ปี คือพวก Processed food ต้องมีในตู้เย็น อะไรที่มองไม่เห็นว่าสิ่งนี้เป็นเนื้อสัตว์แล้วชอบมาก หิวปุ๊บสิ่งนี้คือต้องคว้าเข้าปาก แล้วก็พวก MSG คือต้องมีต้องใส่ไม่งั้นไม่อร่อยไม่นัว แล้วเราก็เข้าใจว่าผลไม้คือวิตามินกินแล้วทำให้ผอมก็มีส่วนนี้ประจำ

ก่อนที่จะมีตรวจเจอมีอาการอะไรก่อนไหม ?

นุ่น สินิทธา : ไม่มีเลย ไม่เป็นอะไรเลย ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีอาการอะไรเลย พอครั้งแรกที่เราตรวจเจอก็วิตกกังวล คุณหมอก็เสนอให้เราผ่าตัดส่องกล้อง เราก็คิดว่ามันจะจบ

ตอนนั้นเจอตรงไหน ?

นุ่น สินิทธา : ยอดมดลูกด้านนอกของช่องท้อง คือไม่ได้อยู่ด้านในมดลูก เป็น 1 ก้อน แล้วก็นัดอีก 3 เดือนผ่า เดี๋ยวเราจะผ่าตัดต้องบำรุงหน่อยก็กินทุกอย่างที่กินได้กินหมด วันที่นัดตรวจปรากฎว่าเนื้องอกโตขึ้นอีก 1.5 เซน พอเอาออกเสร็จ ต่อไปนี้ฉันจะแข็งแรงแล้วก็ไปออกกำลังกาย หันมาออกกำลังกายเริ่มกินอาหารคลีน ทำไป 2 ปี แล้วก็ตรวจเจอเนื้องอกอีก 2 เม็ด ค่อนข้างใหญ่ 2-3 เซน คุณหมอก็แจ้งว่าให้ตัดสินใจว่าจะผ่าตัดหรือเก็บไว้ก่อน เพราะอยากจะรอให้ยุบหรือฝ่อลงก็ต้องรอช่วง Menopause หมดประจำเดือนทุกอย่างไม่กระตุ้นมันจะฝ่อไปเอง เราก็เก็บไว้ก่อนเพราะผ่าไปแล้วรอบหนึ่ง จนมีคนแนะนำเรื่องอาหารคีโต เราก็ทำตามก็เกิดซีสต์ถุงน้ำในรังไข่และภาวะเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง เพราะอาหารที่เรานำเข้าร่างไปกระตุ้น แล้วก็ไม่มีประจำเดือน ก็ไปฉีดยาเร่งให้ไข่ตก ไม่รู้จะทำยังไงไปปรึกษาเพื่อน ก็เลยมาใช้ระบบ Water Fasting ในการรักษาตัวซึ่งตอนนั้นใหม่มาก Do Or Die ถ้าไม่ทำก็ตายเพราะว่าตอนนั้น 4 เดือนแล้วที่ประจำเดือนไม่มา หน้าดำแล้ว พอทำไปได้ 3 วันประจำเดือนมาเลย พอหมดประจำเดือนโทรหาคุณหมอเลยว่าขอตรวจ ปรากฎว่าซีสต์ยุบแต่ที่โผล่มาคือไข่ตกอยู่ 3 ใบ ไข่สุกพร้อมกัน 3 ใบ 

ตอนนั้นทำไมถึงตัดสินใจลองทำ เพราะมันใหม่มาก ?

นุ่น สินิทธา : รู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่ไม่ต้องเสียสตางค์ แล้วก็ Do Or Die อย่างที่บอก ถ้าคุณไม่ทำแล้วคุณจะเลือกอะไร ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนช่วยก่อน ไม่ดีก็เลิกทำสิจบแค่นั้นเอง

Water Fasting คืออะไร ?

นุ่น สินิทธา : คือการอดอาหารเพื่อให้เซลล์ในร่างกายที่เรียกว่าไลโซโซมรีไซเคิลเซลล์ กระบวนการของตัวนี้ได้การยอมรับมาแล้วจากรางวัล Nobel Prize แต่ถ้าเราจะอดทั้งน้ำและอาหารจะเสี่ยงอันตราย เพราะฉะนั้นเราจึงเติมน้ำเข้าไปในร่างกายตลอดเวลา คนเราไม่ทานข้าวไม่เป็นไร แต่ขาดน้ำไม่ได้ ถ้าเราขาดน้ำจากเกิดภาวะเลือดข้นหนืด เส้นเลือดในสมองตีบได้ต้องระวัง ถ้าจะให้สำเร็จสำหรับนุ่นในการรักษาเนื้องอกต้องใช้เวลา 3 วัน แล้วก็ทำ 1 เดือน ทำต่อเนื่อง 6 เดือน ความยากอาหารมันน้อยลงมากขนาดที่ว่าเหมือนเราไม่คิดอยากกินอะไร  จริงๆ แล้วกระบวนการของ Water Fasting คุณต้องทำให้จบ 3 วัน และไม่แนะนำให้ทำเกินกว่า 5 วัน เพราะการทำมีข้อจำกัด แล้วก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน

อธิบายให้เข้าใจหน่อย การดื่มแต่น้ำเปล่า 3 วันจะทำให้เนื้องอกยุบได้ยังไง ?

นุ่น สินิทธา : จะพูดว่าระบบของเราเหมือนถังขยะแล้วกัน ระบบร่างกายเราคือถัง 1 ใบ กินก็คือใส่เข้ามาโน้นนี่นั่น ร่างกายเราผลิตเซลล์ขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นพลังงานต่างๆ แต่เมื่อถึงวัย 30-40 การผลิตต่างๆจะถดถอยลง แต่จะมีเซลล์ที่ตายกองอยู่ในร่างกายเราเยอะแยะมากมาย เป็นซีสต์บ้าง เป็นติ่งเนื้อบ้าง บกพร่องเพราะเซลล์มันแก่ พอเริ่มเสื่อมสภาพ พอคนเรากินมากเกินไปก็ทำให้ร่างกายเจ็บป่วย เซลล์ที่มันได้พลังงานบ้างไม่ได้พลังงานบ้าง เราเป็นถัง 1 ใบ ที่ไม่เคยเทของเก่าออกเลย เราใส่เข้ามาตลอด เมื่อไม่เกิดการรีไซเคิลก็เกิดความเสื่อมของร่างกาย ความเสื่อมถอยของเซลล์ ตัวไลโซโซมมันจะออกก็ต่อเมื่อคุณหยุดกิน และหยุดกินนานพอ ถ้าเราเอากลับมาใช้อย่างถูกวิธีและถูกต้อง มันจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลร่างกายเราในอนาคต

คลิกชมรายการย้อนหลัง  :   https://www.youtube.com/watch?v=lrR6mU7MZro&t=43s&ab_channel=LIFEDOT