ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พานางสาวน้ำเพชรแม่ของผู้ตายมาร่วมติดตามความคืบหน้าทางคดี  เนื่องจากวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ นางสาวบี (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ลูกสาวของนางสาวน้ำเพชร ให้รุ่นพี่มารับที่บ้านไปส่งที่ร้านสักชื่อดังที่ย่านบางนา เพื่อทำการสักลาย โดยหลังจาก ที่รุ่นพี่คนนี้เดินทางกลับ 

ช่างสักอาศัยจังหวะไม่มีคนเฝ้า จึงบังคับข่มขืนกระทำชำเรา นางสาวแอน ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุ นางสาวแอนกลับมาที่บ้าน ได้ส่งข้อความมาบอกแม่ว่ารักแม่น่ะ จากนั้นก็เงียบหายไป ติดต่อไม่ได้ แม่จึงให้พ่อเลี้ยงกลับมาดูที่บ้าน พบว่าลูกสาวผูกคอตายแล้ว จึงรีบปลดเชือก นำตัวส่งโรงพยาบาล จนถึงตอนนี้ลูกสาวยังไม่รู้สึกตัว

หลังเกิดเหตุครอบครัวมาพบหลักฐานว่าน้องมีการคุยแชทกับเพื่อนว่าถูกช่างสักข่มขืน  จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางนา และยังไม่มีความคืบหน้า

หลังจากที่เข้าพบกับพนักงานสอบสวน นางสาสาวน้ำเพชร เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวเคยบอกว่า มีรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่สนิทกัน ได้เสนอกับลูกสาวว่า รู้จักกับช่างสักลายคนหนึ่ง จะสักลายให้ฟรี เพราะบอกว่ารูปร่างดี ลูกสาวเอาเรื่องนี้มาบอกกับตัวเอง 

ซึ่งตัวเองก็ได้ห้ามปราบ ว่าอย่าสักลายใหญ่ ให้สักในร่มผ้าเท่านั้น และขอร้องลูกสาวว่าอย่าไปร้านสักคนเดียว เพราะมันอันตราย

จนเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา คาดว่าลูกสาวทำงานเสร็จแล้ว จึงได้ให้รุ่นพี่ผู้ชายคนเดิมพาไปสักที่ร้าน แต่เมื่อไปถึงกลับเป็นบ้านหลังหนึ่ง หลังจากนั้นก็เริ่มทำการสัก โดยรุ่นพี่นนี้ได้ออกจากพื้นที่ไปแล้ว ซึ่งตอนที่เกิดเหตุ จะเป็นช่วงที่นางสาวแอน อยู่กับช่างสักกัน 2 ต่อ 2

หลังจากนั้นลูกสาวกลับมาถึงห้องเช่าตอนเย็น ตัวเองสังเกตเห็นลูกสาว มีอาการผิดปกติคือร้องไห้ เสียใจ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้ามอะไรมาก เพราะเข้าใจว่า ลูกทะเลาะกับเพื่อนเหมือนทุกครั้ง หลังจากนั้นลูกสาวก็เข้าห้องเช่าของตัวเองไป

จากนั้นเมื่อเวลา 2 ทุ่ม 20 นามี ลูกสาวก็ได้ส่งข้อความมาว่า รักแม่นะ แม่ก็ตอบว่า จ๊ะแม่ก็รักลูกนะ ซึ่งตอนนั้นตัวแม่เองรู้สึกแปลกใจ เพราะปกติลูกสาวเป็นคนแข็งๆ ไม่เคยบอกรักแบบนี้ใจคอไม่ดีก็เลยไปเคาะประตูห้อง แต่ก็ไร้การตอบกลับ จึงได้ทำหารงัดห้อง ก็เห็นว่าลูกผูกคอตายแล้ว มีอาการมือปากเป็นสีเขียว ซึ่งไปเจอลูก หลังจากที่ลูกพิมพ์ข้อความมาหาประมาณ11 12 นาที

หลังจากนั้น แม่ก็ไปสอบถามเพื่อนลูก ก็พบว่าลูกมีการส่งข้อความไปหาเพื่อนบอกว่า ถูกช่างสักข่มขืน และลูกสาวมีการส่งคลิประหว่างที่ช่างสัก คุยกับตัวเธอ และก่อนจะผูกคอ ลูกสาวได้ลงสตอรี่ว่า จะไม่สักอีกแล้วตลอดชีวิต และเมื่อถามว่าลูกสาว รู้จักกับช่างสักหรือไม่ แม่บอกว่าลูกสาวไม่รู้จักกับช่างสัก แต่ย้ำว่ารุ่นพี่ผู้ชาย ที่พาลูกสาวไปนั้น รู้จักกับช่างสักคนนี้ 

ตอนนี้ตั้งข้อสังเกตว่า รุ่นพี่ผู้ชาย ที่พาลูกสาวไปสัก อาจจะรู้เรื่องนี้หรือไม่ เป็นเหมือนคนที่ล่อเหยื่อไปให้ช่างสักคนนี้สังหารหรือไม่ เพราะหลังเกิดเหตุการณ์รุ่นพี่ผู้ชายคนนี้หายตัวไป โดยไม่ได้เข้ามาคุยอะไรกับแม่เลย และจากการตรวจสอบพบว่าช่างคนนี้ ไม่ใช่ช่างสักมืออาชีพ จะสักอยู่กับบ้านที่เป็นตึกแถว และจะหาลูกค้าด้วยการทักไปหาสาวๆ ในโลกโซเชี่ยลว่าอยากสักหรือไม่ เหมือนเป็นการหาเหยื่อ หลังเกิดเหตุคุณแม่ยังไม่ได้ติดต่อช่างสัก แต่ก็อยากให้ออกมายอมรับความจริว ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ ถ้าก่อเหตุจริง จะดำเนินการให้ถึงที่สุด ช่วงท้ายแม่ของผูัเสียหายได้พูดกับสื่อมวลชนไปยังลูกที่ใกล้จะเสียชีวิต บอกว่า แม่รักหนูมาก ทำไมถึงจะไม่ทิ้งกันเร็วแบบนี้ สื่อมงลชนต่างก็ร้องไห้ตาม

นางสาวน้ำเพชร ยังเปิดเผยอาการของลูกสาว บอกว่าตอนนี้ จะไม่มีการให้หมอฉีดยากระตุ้นอะไรแล้ว ไม่ต้องเจาะคอ เพราะลูกสาวไม่ไหวแล้ว ไม่รับรู้อะไรแล้ว วันนี้จะให้จากไปตามธรรมชาติ

 

ด้านนายเอกภพ บอกว่า วันนี้ได้เข้ามาช่วยเหลือเร่งรัดให้ ทางตำรวจสน.บางนา ได้ไปนำตัวช่างสักลายรายนี้ พาตัวมาสอบปากคำ ตรวจสอบข้อเท็จจริง

ส่วนเรื่องของคดีหลังจากที่เกิดเหตุในวันที่ 12 กรกฎาคม นางสาวบี ถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งวันต่อมา ร้อยเวรได้ติดต่อกลับมา แล้วบอกว่า รอให้ลูกสาวมีอาการที่ดีขึ้นเสียก่อน ซึ่งตอนนี้ลูกสาวไม่สามารถฟื้นขึ้นมาทำอะไรได้  ในมุมมองของแม่ก็ค่อนข้างกลัว ว่าเรื่องราวจะเงียบไป เพราะยังไม่มีการเรียกผู้ต้องสงสัย มาสอบปากคำ ประกอบกับตัวแม่เอง ก็ไม่รู้ว่าลูกสาวถูกข่มขืนมาก่อน คิดว่าลูกผูกคอตาย จึงไม่ได้ดำเนินเรื่องให้ตรวจร่องรอยการถูกข่มขืนตั้งแต่แรก เลยกลัวว่าร่องรอยจะหายไป

ด้านพันตำรวจเอกสุรพงษ์ สุขแย้ม ผู้กำกับ สน.บางนา เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งความ พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำเบื้องต้นกับคนเป็นแม่ แล้วพนักงานสอบสวน ได้ประสานไปยังโรงพยาบาล โดยให้ทางฝั่งโรงพยาบาลตรวจร่องรอยการถูกข่มขืน 

ซึ่งตอนนี้พอทราบเบื้องต้น ว่าช่างสักเป็นใคร รู้ชื่อนาม สกุลแล้ว โดยได้เอารูปช่างสักให้แม่ดู ซึ่งแม่พยักหน้าบอกว่าใช่คนนี้ หลังจากนี้จะต้องเร่งตรวจสอบ พยานหลักฐาน เพื่อประกอบสำนวน พิจารณาความผิดว่าเข้าข่ายความผิดใด และเบื้องต้นมีผู้ก่อเหตคนเดียว และตำรวจก็ต้องดูว่ารุ่นพี่ผู้ชายคนที่มารับนางสาวแอนไปหาช่างสักนั้น จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยจะต้องเรียกตัวมาสอบปากคำ และตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง