วันที่ 16 ก.ค.67 เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายธมนันท์ แตงทิม หรือ จ่าคิงส์ สะพานใหม่ พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี นักศึกมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านฝั่งธน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม หลังถูกพี่รหัส วัย 23 ปี ลวนลามพร้อมข่มขู่
น.ส.เอ เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับรุ่นพี่คนดังกล่าวเพราะเป็นพี่รหัสของตน โดยที่ผ่านมาตนมีการไปดื่มสังสรรค์กับฝ่ายชายมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ในทุกครั้งมีคนไปด้วยหลายคน โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ฝ่ายชายได้ชวนตนไปดื่มสังสรรค์กันสองต่อสองที่ร้านเหล้า เมื่อไปถึงพบว่าโต๊ะเต็มจึงชวนกันไปต่อที่ห้องของฝ่ายชาย ตนมีความเชื่อใจเนื่องจากทางฝ่ายชายมีการกล่าวอ้างว่ามีการไปดื่มกันหลายคนตนจึงตามไป แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่ามีเพียงแค่ตนกับฝ่ายชายสองคนเท่านั้น เมื่อตนได้เริ่มดื่มกัน ฝ่ายชายเป็นคนชงเหล้าให้ตนดื่มเหมือนพยายามที่จะมอมเหล้าตน โดยระหว่างที่ตนได้ดื่มเหล้ากับฝ่ายชายนั้น ตนรู้สึกหนาวจึงนำผ้าห่มลงมาห่ม แต่ฝ่ายชายได้บอกว่าหนาวเหมือนกันจึงขอแบ่งผ้าห่มด้วย ตนจึงยอมให้ห่มด้วย
นอกจากนี้ยังมีการบอกให้ตนไปนั่งที่ตักของฝ่ายชาย ด้วยอาการมึนเมาจากฤทธิ์เหล้าตนจึงทำตาม หลังจากนั้นฝ่ายชายเริ่มมีการกอดพร้อมขอจับหน้าอก ตนมีการปฏิเสธและหนีเข้าห้องน้ำ และมีการโทรขอความช่วยเหลือจากเพื่อน เมื่อตนอยากกลับทางฝ่ายชายก็พยายามไม่ให้ตนกลับ และชักชวนให้ตนนอนที่ห้องของฝ่ายชาย แต่สุดท้ายมีการเจรจาจนฝ่ายชายยอมไปส่งตนกลับหอ ต่อมาตนได้มีการไปแจ้งความไว้แล้วที่สน.ราษฎร์บูรณะ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเรียกตัวฝ่ายชายให้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่ฝ่ายชายกลับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมกลับข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากตนได้มีการโพสต์ผ่านสตอรี่ Instagram หาผู้เสียหายเพิ่ม และในวันที่ตนได้แจ้งความก็มีอาจารย์ในสาขาท่านหนึ่งโทรมาหาตนให้ยอมความ จึงทำให้ตนต้องยอมความ ตนไม่กล้าสู้เพราะไม่รู้เรื่องกฎหมาย
น.ส.เอ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนพบว่าอาจารย์ในสาขาคนดังกล่าวที่โทรให้ตนยอมความนั้น มีความสนิทสนมกับฝ่ายชายเนื่องจากมีการทำงานร่วมกัน และเป็นคนคอยช่วยเหลือฝ่ายชายอยู่ ทั้งรถและที่พักของฝ่ายชายเป็นของอาจารย์คนดังกล่าวทั้งหมด โดยก่อนหน้านี้ทางอาจารย์ได้กล่าวกับตนว่าเคยเตือนฝ่ายชายมาโดยตลอดว่าอย่าทำพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ฝ่ายชายก็ทำเช่นเดิม นอกจากนี้ทางอาจารย์ยังได้กล่าวกับตนว่า “ไม่ควรไปแต่แรก และเป็นผู้หญิงไม่ควรจะไปกินเหล้าสองต่อสองกับผู้ชาย
น.ส.เอ กล่าวอีกว่า ตนทราบมาว่าฝ่ายชายมีการพูดคุยกับเพื่อนว่าหากฝ่ายชายถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย จะไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ขณะนี้ตนได้มีการดำเนินการแจ้งกับทางคณะไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางรองคณบดีได้ทำการสอบสวนอยู่ โดยวันนี้ตนได้พกหลักฐานมาด้วย แต่ไม่มั่นใจว่าหลักฐานจะสามารถเอาผิดฝ่ายชายได้หรือไม่
น.ส.เอ กล่าวว่า ตนทราบมาว่ามีผู้เสียหายถูกฝ่ายชายข่มขืนประมาณ 3 ราย และถูกลวนลามรวมตนด้วยแล้วทั้งหมด 9 ราย มีผู้เสียหายแจ้งความแล้ว 3 ราย แต่ที่เหลือไม่กล้ามาดำเนินคดีเพราะอับอาย นอกจากนี้ตนยังทราบว่าขณะที่ฝ่ายชายได้มีการไปฝึกสอนอยู่ที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งก็มีการลวนลามเด็กนักศึกษาอีกด้วย ทั้งนี้ตนยังทราบอีกว่าเมื่อสองปีที่แล้วฝ่ายชายมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายแฟนเก่าร่วมด้วย
ขณะที่ จ่าคิงส์ กล่าวว่า ตนจะพาผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อทำการลงบันทึกประจำวัน และสอบปากคำชี้แนวทางให้ผู้เสียหายว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
ภายหลังเข้าพบ ร.ต.อ.หญิง ทิพย์สุดา วงศ์ฤกษ์งาม รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. ได้ประสานให้ น.ส.สมหญิง น.ศ.ปี 4 ม.ดังย่านฝั่งธนฯ ผู้เสียหายเดินทางไปพบผู้กำกับ สน.ราษฎร์บูรณ์ เพื่อแจ้งความลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานไว้ก่อนเพื่อดำเนินคดีต่อไป และแนะนำให้จ่าคิงส์ประสานผู้บริหารมหาวิทยาลัยดังกล่าวในเรื่องตรวจสอบพฤติกรรมพี่รหัส นักศึกษาชายรุ่นพี่รายนี้ต่อไป