วันที่ 16 กรกฎาคม นายประชัน ชาวสามทอง ข้าราชการครูบำนาญและผู้ประกอบการฟาร์มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรไทย ลุ่มน้ำชีแก้งสนามนาง จ.นครราชสีมาในฐานะประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนโคราช เปิดเผยว่า กรณีพืชสมุนไพรกัญชาและกัญชงมีมติให้นำกลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 หลังปลดล็อกมา 2 ปี ได้ส่งผลกระทบต่อสมาชิกเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน 20 แห่ง ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา หากสายป่านสั้นและสมาชิกไม่เข้าใจบริบทมีหลายแห่งขาดสภาพคล่องทางการเงินติดค้างชำระค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าและคนงาน ส่วนฟาร์มของตนมีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 2 ไร่ บริหารจัดการ เดิมปลูกกัญชากลางแจ้งและโรงเรือนกว่า 1 พันต้น เพื่อความอยู่รอดปลูกเฉพาะในโรงเรือน 300 ต้น เพื่อนำราก ใบ ลำต้นและช่อดอกที่ผ่านการฆ่าเชื้อบ่มให้แห้งแล้วนำไปผสมในตำรับยาแผนไทยและแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น สบู่ ผงกัญขาดื่มสำเร็จรูป ลูกประคบสมุนไพร ฯ

ขณะนี้มีหลายฟาร์มนายทุนได้มาขอเช่าใบอนุญาตและโรงเรือนปลูกกัญชา เพื่อรักษาสถานะดีกว่าปล่อยทิ้งและเสี่ยงต่อการขาดทุน จึงให้เช่าในราคาไม่แพง เมื่อได้ต้นทุนต่ำสามารถนำกัญชาสายพันธุ์ต่างประเทศมาตีตลาดขายตัดราคาคู่แข่ง เดิมกิโลกรัมละ 1.5-2 หมื่นบาท ราคาลดฮวบเหลือไม่ถึง 2-3 พันบาท เสมือนทุกข์ซ้ำกรรมซัด ทั้งนี้ฝากถึงรัฐบาลอย่าโยงกัญชาเป็นเกมการเมือง ควรต่อยอดกัญชาเพื่อการแพทย์แล้วออกกฎหมายควบคุมชัดเจน สร้างรายได้กับพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ หากนำกัญชากลับเข้าสู่บัญชายาเสพติดต้องมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มวิสาหกิจและเกษตรกรที่ดำเนินการตามกฎระเบียบกติการวมทั้งจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ด้วย