ตื่นตระหนกช็อกโลกไปตามๆ กัน
สำหรับ เหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนยาวไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ ลอบยิงอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 (พ.ศ. 2567) จากพรรครีพับลิกัน ขณะกำลังปราศรัยหาเสียงที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อช่วงบ่ายของสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น
โดยเหตุสะท้านขวัญดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีก 2 รายอาการสาหัส ส่วนตัวของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์นั้น ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ที่ส่วนบนของใบหูข้างขวา ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสักพักหนึ่งก็กลับบ้านได้ เบื้องต้นมีรายงานว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ออกจากโรงพยาบาล แล้วบินกลับไปยังที่พักในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อนเตรียมการเดินทางเพื่อประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน ที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน ในสัปดาห์นี้ต่อไป ซึ่งการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันดังกล่าว ยังจะเป็นการประกาศชื่อผู้ที่จะสู้ศึกเลือกตั้งในฐานะ “รองประธานาธิบดี” ของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์อีกด้วย ส่งผลให้เป็นที่จับตาจ้องมองของบรรดาคอการเมืองสหรัฐฯ ว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ จะเลือกใครมาเป็น “คู่หู” คือ รองประธานาธิบดีของเขาอีกต่างหากด้วย
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ครั้งนี้ ต้องถือว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ยังไม่หมดอายุขัย จึงรอดตายมาได้จากคมกระสุน เพราะพิจารณาจากบาดแผลที่เขาถูกยิง คือ ที่หู ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า คนร้ายหมายยิงเข้าที่ศีรษะของนายทรัมป์เลยทีเดียว แต่กระสุนพลาดไปเฉี่ยวที่หูแทน ใช่แต่เท่านั้น จากปากคำของพยานที่เห็นเหตุการณ์ ทางคนร้ายก็ได้ยิงมาหลายนัดด้วยกัน ไม่ใช่นัดเดียว แต่พลาดเป้าไปโดนคนอื่นๆ ที่มาฟังปราศรัย
ขณะที่ มือปืนผู้ก่อเหตุ ซึ่งขึ้นไปซุ่มยิงบนหลังคาอาคารโรงงาน ซึ่งตั้งอยู่นอกพื้นที่ปราศรัย ห่างจากเป้าหมาย คือ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ประมาณ 180 เมตร ก็ถูกเจ้าหน้าที่ของหน่วยพิทักษ์ประธานาธิบดี หรือซีเคร็ทเซอร์วิส ใช้อาวุธปืนยิงวิสามัญฯ จนด่าวดิ้นไปตามระเบียบ ก่อนที่ทางหน่วยสอบสวนกลาง หรือเอฟบีไอ แถลงในเวลาต่อมาถึงเหตุการณ์ข้างต้นว่า เป็น “ความพยายามลอบสังหาร” พร้อมทั้งเปิดเผยชื่อของชายคนร้าย คือ “นายโธมัส แมทธิว ครุกส์” วัย 20 ปี พำนักอาศัยและเติบโตมาจากย่านเบเธลพาร์ค ทางตอนใต้ของเมืองพิตต์เบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งถ้าหากขับรถมาอย่างชิลด์ๆ จากย่านดังกล่าว มายังเมืองบัตเลอร์ ก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงด้วยกัน เพราะอยู่ห่างกันเพียง 70 กิโลเมตรเท่านั้น และเมื่อกล่าวถึงย่านเบเธลพาร์ค ก็เป็นถิ่นของคนผิวขาว ที่ส่วนใหญ่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม ซึ่งแนวคิดอนุรักษ์นิยมของคนผิวขาวในสหรัฐฯ ประการหนึ่งก็คือ คนผิวขาวเป็นใหญ่กว่าคนผิวสีอื่นๆ
จากการสืบสวน สอบสวน เบื้องต้นพบว่า นายโธมัส แมทธิว ครุกส์ ผู้นี้ ก็ลงทะเบียนเลือกพรรครีพับลิกันอีกด้วย ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ของทางการสหรัฐฯ ต้องดำเนินการสืบสวน สอบสวน ต่อไป เพื่อแรงจูงใจในการก่อเหตุสะเทือนขวัญทั้งชาวอเมริกัน และชาวโลกในครั้งนี้
ว่ากันในส่วนของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ พลันที่ออกจากโรงพยาบาลมาถึงที่พัก ก็โพสต์ข้อความถึงเรื่องราวที่เขาถูกลอบยิงทันที
โดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ โพสต์ข้อความขอบคุณเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ประธานาธิบดี หรือซีเคร็ทเซอร์วิส และเจ้าหน้าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ ที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและครอบครัวผู้บาดเจ็บ จากเหตุการณ์ดังกล่าว และว่าเหตุการณ์รุนแรงในลักษณะไม่น่าจะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ โดยระบุว่า เป็นเรื่องเหลือเชื่อ ก่อนทิ้งทายว่า ขอให้พระเจ้าอวยพรคุ้มครองต่ออเมริกา
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ทางอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ยกเงินบริจาคการรณรงค์หาเสียงจำนวน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ครอบครัวของเหยื่อผู้สูญเสียและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผ่าน “โกฟันด์มี” ซึ่งเป็นกองทุนสำหรับการระดมเงินหาเสียงเลือกตั้งของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์มาช่วยเยียวยา
ในส่วนของผู้นำประเทศต่างๆ เช่น นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งเป็นชาติพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส รวมทั้งของสหรัฐฯ คือ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่างพากันออกประณามต่อเหตุการณ์พยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ในครั้งนี้กันอย่างถ้วนหน้า
โดยเหตุความพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ในครั้งนี้ นอกจากสร้างความตื่นตระหนก ช็อกโลก ด้วยไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุสะเทือน สะท้านขวัญอย่างนี้มาก่อน ก็ได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์และบรรยากาศการชิงชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ที่กำลังจะมีขึ้นในปลายปีนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะในเรื่องการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของทั้งสองฟากฝั่งพรรคการเมืองของสหรัฐฯ นั่นคือ พรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกัน
ทั้งนี้ ในทางฝั่งของพรรครีพับลิกัน ดูจะได้เปรียบขึ้นมาทันที สำหรับ “ภาพของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ชูกำปั้นกลางอากาศหลังจากที่เขาถูกลอบยิง” ขณะที่หน่วยซีเคร็ทเซอร์วิส กำลังพาตัวของเขาลงจากเวทีปราศรัย
บรรดานักวิเคราะห์การเมืองสหรัฐฯ แสดงทรรศนะ ภาพดังกล่าวนั้น มิใช่แค่เพียงภาพประวัติศาสตร์ธรรมดาๆ แต่เชื่อแน่ว่า ทางทีมงานรณรงค์หาเสียงของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ รวมไปถึงทางพรรครีพับลิกันนั้น อาจทำให้ภาพนี้ มีประสิทธิภาพและทรงพลัง ในการเปลี่ยนเส้นทางการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ได้เลยทีเดียว
ยกตัวอย่างที่เบื้องต้น ก็ปรากฏว่า นายอีริก ทรัมป์ บุตรชายของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็นำภาพนี้ไปโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย พร้อมกับข้อความที่ว่า “นี่คือนักสู้ที่อเมริกาต้องการ”
ทั้งนี้ ก็ด้วยภาพดังกล่าวนั้น แสดงออกถึงความแข็งแกร่ง และความเป็นผู้นำ ของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ท่ามกลางเหตุการณ์ร้ายๆ นั่นเอง
สวนทางแตกต่างกับทางฟากพรรคเดโมแครต ที่ต้องปลดแผ่นป้ายโฆษณาหาเสียงต่างๆ ของประธานาธิบดีไบเดนโดยทันที เพราะหลายๆ ข้อความระบุไปในทำนองต่อต้านอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งหากเผยแพร่ออกไปล้วนแล้วแต่เป็นโทษต่อประธานาธิบดีไบเดน ที่กำลังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ความชราภาพ รุมเร้าอย่างหนัก จนหลายๆ คน แม้แต่ในพรรคเดโมแครตเอง ก็เรียกร้องให้เขาถอนตัวจากศึกเลือกตั้งอย่างหนาหู ณ เวลานี้