ศาลเลื่อนนัดไต่สวนคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน "อี ควิน เบอดั้บ" นักเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพในการนับถือศาสนา ผู้ลี้ภัยชาวเวียดนาม 

เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวน คดีส่งผู้รายข้ามแดน ของนาย อี ควิน เบอดั้บ คนชาติพันธุ์เอดี ที่หนึ่งในกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองชาวมองตานญาดในที่ราบสูงภาคกลางของเวียดนาม ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม "มองตานญาดสู้เพื่อความยุติธรรม"

คดีนี้สืบเนื่องจาก จากกรณีที่นาย อี ควิน เบอดั้บ นักเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพในการนับถือศาสนา ผู้ลี้ภัยชาวเวียดนาม ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยจับกุมเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2567 ทาง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีความกังวลว่าทางการไทยอาจส่งตัวนาย อี ควิน เบอดั้บ กลับประเทศเวียดนามและอาจได้รับอันตราย จึงขอให้รัฐบาลดำเนินการกรณีข้างต้นในแนวทางที่สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนของไทย รวมถึงการนำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการคัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศอันเป็นภูมิลำเนาได้ พ.ศ. 2562 มาใช้เพื่อคุ้มครองบุคคลจากการไม่ถูกส่งกลับไปสู่อันตรายตามหลักการ non-refoulement 

ด้านนางณัฐาศิริ เบิร์กแมน ทนายความจำเลย เปิดเผยว่า วันนี้เป็นนัดไต่สวน ก็คือทางอัยการเตรียมพยานหลักฐานมาเพื่อไต่สวนคดีเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าจําเลยถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจํา การเตรียมคดีมีความยากลําบากเพิ่งได้รับคําฟ้อง ทนายจําเลยก็เลยขออนุญาตเลื่อนคดีการไต่สวนคดีไป หนึ่งนัด และศาลอนุญาตให้ไปเลื่อน วันที่ 1 ส.ค. เวลา 13.00น. เรามีพยานไว้ 4 ปาก คือตัวของจําเลยเอง ,ผู้เชี่ยวชาญด้านคดีสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมาเบิกความเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ผู้ตรวจการพิเศษว่าด้วยการต่อต้านการซ้อมทรมาน ,ผู้ตรวจการพิเศษเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาและการแสดงออก , อาจจะมีการขอพยานเพิ่มเติม เพราะว่าคดีนี้เป็นคดีที่เราต้องการที่จะแสดงให้ศาลเห็นว่าเราไม่สามารถดูเฉพาะข้อกล่าวหาที่อัยการยื่นมาว่าเป็นคดีก่อการร้าย ต้องดูว่าเบื้องหลังจำเลยด้วยว่าเขาเป็นผู้ลี้ภัยมีเหตุจากการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและความเชื่อทางศาสนา แล้วก็เป็นคดีทางการเมือง ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน 

ตอนนี้ได้วันนัดสืบพยานแค่ 1 วัน มีพยานเพียงแค่ 10ปาก แต่ว่าหลังจากนี้จะมีการประชุมกันอีกครั้งนึงเพื่อที่จะเอาผู้เชี่ยวชาญมาในประเด็นที่เกี่ยวกับการต่อต้านการซ้อมทรมาน ซึ่งเป็นพ.ร.บ.ใหม่ที่ตอนนี้ประเทศไทยก็บังคับใช้แล้ว 

เมื่อสอบถามตัวจำเลยมีความห่วงกังวลตัวจําว่าจะถูกส่งกลับไปยังประเทศเวียดนาม เพราะว่าในประสบการณ์ที่ผ่านมาจากการที่นับถือศาสนา จำเลยถูกเลือกปฏิบัติ ถูกสอดส่อง ถูกจําคุก และถูกเจ้าหน้าที่ทําร้ายร่างกายด้วย ดังนั้น ถ้าถูกส่งกลับไป จำเลนห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องพยายามหาพยาน หลักฐาน มาแสดงให้ศาลเห็นว่าการส่งผู้ร้ายข้ามแดน จะดูเฉพาะกฎหมายข้ามแดนไม่ได้


ต่อมา นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาสังเกตการณ์จริงและไม่ได้อยากจะก้าวล่วงหรือชี้นำกระบวนการยุติธรรม เราต้องการมาดูเพราะเป็นการขอความร่วมมือจากประเทศเวียดนามกับรัฐบาลไทยในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ลี้ภัยด้วยคนที่ถูกร้องขอให้ทำการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นเขาได้รับการคุ้มครองระหว่างประเทศจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติเขาเป็นผู้ลี้ภัยที่อยู่ในประเทศไทยแต่ปี 2018 รวมแล้วก็ 6 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้เมื่อเขาได้รับการคุ้มครองแล้วก็มีการร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพราะเป็นผู้ที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายในประเทศเวียดนาม เราจึงอยากจะมาสังเกตุการณ์

เรื่องการก่อการร้าย ตอนนี้เรามีพ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ถ้าเป็นอาชญากรจริงๆก็สามารถถูกส่งกลับไปที่ประเทศต้นทางได้ แต่ถ้าเป็นผู้ลี้ภัยและได้รับความคุ้มครอง เพราะไม่สามารถอยู่ในประเทศต้นกำเนิดและไม่ต้องการกลับไปประเทศต้นกำเนิด ก็ต้องอยู่ในความดูแลตามมาตรฐานสากล ซึ่งตนเองที่มาดูเรื่องนี้อยากจะยกระดับประเทศไทยให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากลให้ได้ และติดตามการทำงานว่าจะจัดการอย่างไร ครั้งนี้เป็นกรณีแรกและคิดว่าไม่ใช่กรณีสุดท้ายเพราะผู้ลี้ภัยในประเทศเรามีจำนวนเยอะมาก และประเทศไทยปีนี้เราจะมีสิทธิ์ขึ้นไปเป็นคณะกรรมการของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ดังนั้นเราต้องดูให้ดีถึงจุดยืนทางการทูตของประเทศไทยว่าเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่าถ้าสมมุติว่าครั้งนี้ประเทศไทยเราตัดสินใจส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปจะกระทบกับสิทธิ์ในการขึ้นเป็นคณะกรรมการองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติหรือไม่ นายกัณวีร์ กล่าวว่า นั่นเป็นประเด็นที่ประเทศไทยจะต้องพิจารณาให้ดี เราต้องยืนอยู่บนหลักสิทธิมนุษยชนและงานด้านมนุษยธรรมหากเราใช้แค่ มุมมองของความมั่นคงอย่างเดียวจะทำให้เราได้รับผลกระทบอย่างมากทำให้ไทยจะไม่มีจุดยืนในเวทีโลก เพราะจะมองว่าประเทศไทยมีการร่วมมือในการกดปราบข้ามชาติ ตนเองมีความกังวล เพราะไทยอยู่ตรงกลางประเทศเพื่อนบ้านที่มีปัญหาอย่างประเทศเวียดนามประเทศกัมพูชาประเทศลาว เพราะภูมิภาคของเราเกี่ยวกับภูมิภาคแห่งการกดปราบข้ามชาติ ประเทศไทยจะต้องประสบความสำเร็จในเรื่องการแก้ไขปัญหาตรงนี้ วันนี้ก็จะต้องให้กำลังใจกับทุกฝ่าย ที่สำคัญที่สุดคือเจ้าตัวเองถ้าสมมติว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ไม่ควรที่จะต้องโดนเรื่องเกี่ยวกับการกดปราบข้ามชาติ แต่ถ้าเป็นอาชญากรเรื่องการก่อการร้ายจริงๆจำเป็นต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย ดังนั้นต้องมีการพิจารณาให้ครบถ้วนทุกกระบวนความ