ระทึก! ไฟไหม้วัดดังแม่สายกุฏิ 50 ปีวอดเกือบทั้งหลัง พระแสนแช่โบราณอายุกว่า 800 ปี ถูกไฟไหม้เสียหาย


วันที่ 15 ก.ค.2567 เวลาประมาณ 02.45 น.เมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุไฟไหม้กุฎิภายในวัดพรหมวิหาร ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ระหว่างเกิดเหตุมีพระภิกษุในวัดได้พบเห็นกลุ่มควันที่เกิดจากไฟไหม้บริเวณสำนักงานของวัด จึงรีบแจ้งเจ้าอาวาส และได้แจ้งให้เทศบาลตำบลแม่สายและเทศบาลเวียงพางคำ นำรถดับเพลิงออกไประงับเหตุ โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ 

นายเกรียงไกร คำพลศักดิ์ กรรมการวัดพรหมวิหารและกรรมการมูลนิธิพระครูพิทักษ์พรหมวิหาร เล่าว่า เกิดไฟไหม้เวลาประมาณเวลา 02.45 น. ได้รับแจ้งจากพระลูกวัด จึงได้วิ่งออกมาดู และแจ้งดับเพลิง แต่วไฟได้ลุกลามไปมากแล้ว ทำได้แค่เพียงสกัดให้อยู่ในวงแคบ โดยไฟไหม้ไหม้ไป 6 คูหา ส่วนประกอบทำจากไม้ประดู่และไม้สัก ความเสียหายสำคัญมี พระแสนแช่โบราณ อายุ กว่า 800 ปี ส่วนสาเหตุต้องตรวจสอบอีกที รู้แต่เพียงว่าต้นเพลิงเกิดจากห้องที่ใช้เป็นสำนักงานเจ้าคณะตำบล ซึ่งมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ 


     
พระครูวิบูลธรรมวิมล เจ้าคณะตำบลเวียงพางคำเขต 1 และเจ้าอวาสวัดพรหมวิหาร เปิดเผยว่า ไฟเริ่มต้นไหม้จากห้องที่ใช้เป็นสำนักงาน โดยไฟลุกไหม้ขยายเป็นวงกว้าง จนเจ้าหน้าที่รถดับเพลิงมาระดมฉีดน้ำดับไฟ อาคารที่ถูกไฟไหม้เดิมที่เรียกว่า กุฏิยาว สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2517 อาคารไม้สักและไม้ประดู่  ซึ่งเป็นกุฏิเก่าแก่มีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี  ทำให้กลายเป็นเชื้อไฟเป็นอย่างดี ความเสียหายในตัวอาคารประเมินว่าประมาณ 5 ล้านบาท ส่วนองค์พระแสนแช่ อายุกว่า 800 ปีนั้น ไม่สามารถประเมินค่าได้ 

นอกจากนั้นยังมีวัตถุโบราณ วัตถุมงคล อีกเป็นจำนวนมากมายที่ถูกไฟไหม้ ส่วนสาเหตุอาจจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะอากาคสำนักงาน มีห้องคอมพิวเตอร์ พัดลม  


     
ทั้งนี้ สำหรับวัดพรหมวิหาร  เป็นวัดสังกัดมหานิกาย ตั้งอยู่ในพื้นที่ประมาณ 33 ไร่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2514 โดยมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างตั้งแต่สมัยที่ "หลวงพ่อตี๋" หรือ พระครูพิทักษ์พรหมวิหาร เป็นเจ้าอาวาส เนื่องจากหลวงพ่อตี๋ เป็นพระเกจิที่มีลูกศิษย์ให้ความศรัทธาเป็นจำนวนมาก.