จากการรายงานข่าวของต่างประเทศ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวหลายแห่งได้นำ AI (Artificial Intelligent) มาใช้ในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการบริการ ลดความซ้ำซ้อนของบุคลากร สร้าง Productivity ได้มาก โดยไม่เพิ่มงบประมาณ แถมยังลดต้นทุนลงได้อีกด้วย โดยมีผู้ประกอบการหลายรายที่เริ่มนำ AI มาใช้ อาทิ สถานที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ โรงแรม ตัวอย่างที่น่าสนใจเช่นกรณีของ booking .com ได้นำ ChatGPT มาใช้ในการให้คำแนะนำแก่ลูกค้า การจัดทำแผนการท่องเที่ยวที่ตรงใจ และสอดคล้องกับงบประมาณ ขณะที่ Airbnb ก็ใช้ AI ในส่วนของการตรวจสอบประวัติลูกค้า และกำหนดราคาอัจฉริยะด้วยอัลกอริธึม ซึ่งส่งผลให้ ต่อยอดจองเพิ่มขึ้นที่จับต้องได้จริง 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในการประชุม แผนตลาด ททท.ประจำปี 2568 ในฐานะผู้ว่า ททท. และ เป็นผู้ขับเคลื่อน PASS strategy ว่าด้วยตัว A : Accelerate to Digital World ได้กระตุ้นให้หน่วยงานต่างๆ ของ ททท.  รวมถึงพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวให้ตระหนักถึงการเปลื่ยนแปลงที่สำคัญนี้ และนำ AI เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ นำมาใช้ในการจัดการ Database

รวมถึงใช้กุสโลบาย สอน AI ให้เรียนรู้ เรื่องดีๆของไทย โดยเฉพาะการใช้ Chat GPT ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานที่มีความคุ้นเคยกับเครื่องมือเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเชื่อว่าการใช้ AI หรือ การใช้ Chat GPT ในการจัดการและบริการในมิติต่างๆ ด้านการท่องเที่ยว นอกจากจะตอบโจทย์ความต้องการของนักเดินทางรุ่นใหม่ๆ ที่ไม่ได้เฉพาะนักท่องเที่ยวคนไทย แต่จะสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวจากต่างแดนที่มีความคุ้นเคยกับการใช้บริการผ่าน AI หรือ Ghat GPT มาเป็นอย่างดี รวมถึงการทำให้บริการสร้างความสะดวก รวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี 

สำหรับความสามารถของ AI วันนี้สามารถเข้าถึงข้อมูลจำนวนมหาศาล แล้วนำมาวิเคราะห์  ออกแบบ การทำงานภายในช่วงเวลาอันสั้นในเรื่องท่องเที่ยวทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการ เป็นเสมือนเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษา เพียงกดคำสั่ง ตัวเลือกสถานที่ต่างๆ ก็หลั่งไหลมาให้ดู หากยังไม่ตรงใจ ก็ใส่คำสั่งเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ตั้งแต่ใกล้บ้าน  เที่ยวหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ งบประมาณ สถานที่พัก ราคา จนสามารถวางแผนเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ