ปากกาขนนก/สกุล บุณยทัต

“โลกอันกว้างใหญ่ การออกแบบไร้ขีดจำกัด...วิธีทำงานก็เช่นกัน..”

“...เเนวคิดของโลกแห่งชีวิตในทุกวันนี้..ล้วนสื่อถึง ภาวะอันกว้างใหญ่แห่งความหมายของการมีชีวิตอยู่ รวมทั้งกระบวนการแห่งการออกแบบสรรพวิธีแห่งการทำงาน เพื่อมุ่งหวังถึงวัตถุประสงค์แห่งความสำเร็จผลในโครงสร้างแห่งการประพฤติปฏิบัตินานา..มันเป็นเจตจำนงของการไร้ขีดจำกัดในการทุ่มเทชีวิตเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง..เท่าที่ประสบการณ์จะสอนสั่งและเอื้ออำนวย..

 โลก ณ วันนี้ จึงเป็นดั่งแบบทดลองของการพัฒนารูปรอยของชีวิตไปสู่แง่มุมต่างๆ โดยมีตัวตนเป็นผู้ชักโยงความเชื่อมั่นศรัทธาทั้งหลายทั้งปวงนั้นไว้..”

มิติสำคัญต่อแนวคิดข้างต้น..  ผุดพรายออกมาจากสาระแห่งศาสตร์จากหนังสือที่มีคุณค่ายิ่งต่อการเรียนรู้แบบแผนของชีวิตแห่งโลกวันนี้..ด้วยแนวคิด และ คำคมอันหลากหลาย ที่ทั้งก่อเกิดและรวมตัวกันเป็น “MUJI”..

 “จงเรียนรู้และทำประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์และสังคม” เพื่อว่า..การเรียนรู้นั้นจะทำให้คุณเป็นอิสระ..

หนังสือ “MUJI” (แนวคิดและคำคมเล่มนี้) เขียนขึ้นโดย.. “บริษัท เรียวฮิน เคอิคะคุ” และ แปลเป็นภาษาไทยอย่างหนักแน่นและมีคุณค่าโดย “ทินภาส พาหะนิชย์”...

“เรียวฮินฯ” ได้ให้กำเนิดรากฐานของ “MUJI” นับแต่..กลยุทธ์ในทุกๆด้านที่สร้างจุดกำเนิดอันมั่นคงและยิ่งใหญ่ให้ “MUJI” นับแต่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้ง การดำเนินธุรกิจอย่างจริงเข้มแข็ง ทั้งเมื่่อในอดีต มาสู่ปัจจุบัน และ ก้าวไปยังอนาคต.. พร้อมกับการล้วงเบื้องลึกแห่งความสำเร็จ..ต่อปัจจัยแห่งการกระทำอันสำคัญที่ว่า “สินค้าคุณภาพดีไม่มียี่ห้อ”..ที่ได้สร้างแรงบันดาลใจสำคัญ ต่อผู้ที่สนใจในการค้าขาย ซึ่งจะได้นำไปประยุกต์ใช้กับกิจการค้าขายโดยเฉพาะของตน..!

..ในสิบวิถีของ “MUJI”..นั้น ล้วนเรียบง่ายแต่ทรงพลัง..นับจาก..ส่วนประกอบของ “มูจิ” ซึ่งประกอบด้วยส่วนสี่ส่วนดังนี้

 * “ธรรมชาติ นิรนาม เรียบง่าย และ โลกอันกว้างใหญ่ไพศาล” โดยถือว่า

*ธรรมชาติมาก่อนความเจริญทางวัตถุ ที่บางครั้งก็ทำลายธรรมชาติ เหตุนี้ *เวลาก่อนทำอะไรจึงสมควรต้องนึกถึง..และไม่ลืมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผู้มอบโอกาสให้เราได้พัฒนา..

*นิรนาม คือภาวะที่เราคิดเรียนแบบการทำงานของใครสักคนที่ได้ใช้และคิดค้นมาก่อน ซึ่งสมควรให้เกียรติพวกเขาด้วยความใส่ใจ ในการตั้งใจคิดค้นออกแบบ วิธีกาทำงานนั้นขึ้นมา..

*เรียบง่าย..หมายถึงวิธีการทำงานที่เรียบง่ายแต่ได้ประสิทธิภาพ ไม่ได้ทำให้ความพยายามของเราสูญหายไป แต่มันยังปรากฏอยู่เบื้องหลัง เสมือนเงาของผลลัพธ์..

* โลกอันกว้างใหญ่การออกแบบไร้ขีดจำกัด วิธีการทำงานก็เช่นกัน..

*กลยุทธ์หลักของ “MUJI” คือการทำคุณประโยชน์ให้ผู้คน.. “เราต่างเกิดมาเพื่อสร้างประโยชน์ให้ผู้อื่น”

*ไม่ยอมให้แบรนด์ ผลิตภัณฑ์ และ การออกแบบ มาจำกัดการใช้งาน คนก็ไม่ควรยอมให้ตัวตน อีโก้ และ ความเคยชินในวิธีการทำงาน มาเป็นข้อจำกัด..

*แนวคิดที่ชัดเจนนำไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่ดี.. “MUJI” จะไม่ผลิตสินค้า ก่อนที่จะชัดเจนว่าจะต้องผลิตมันขึ้นมาเพื่อใคร?...ความคิดที่ชัดเจนจะนำไปสู่กระบวนการทำงานที่ดี เหตุนี้จึงอย่าเพิ่งเริ่มงานจนกว่าจะชัดเจนในกระบวนการเสียก่อน..

*ผลิตภัณฑ์ที่ดีจะต้องสะท้อนเอกลักษณ์ โดยไม่จงใจเกินงาม..สินค้าของ “MUJI” ไม่หว่านเสน่ห์ ไม่ลืมตัว ไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น “คนทำงานที่ดีก็เช่นกัน”..ควรให้คุณภาพของงานเป็นตัวกำหนดเสน่ห์..โดยไม่เอาเวลาไปสร้างภาพ คุยโว และ นินทา..

*ท้ายที่สุด..ความสำเร็จของแบรนด์ก็ได้จากการเอาชื่อของแบรนด์ไปใช้เปรียบเปรย..กับคุณค่าที่ดีเช่น “ตึกนี้ดูมูจิมาก”/ “สินค้านี้มูจิสุดๆ”...คนทำงานก็เช่นกัน ว่า.. “จะมีใครใช้ชื่อของเราไปเปรียบเทียบกับสิ่งบางสิ่งที่ดี..”

แนวคิดโดยรวมของ “MUJI” ที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ออกแบบและวางโครงสร้างโดย “คานาอิ มาซานาอิ” ประธานบริษัท เน้นแนวคิดที่มาของมูจิ...ที่เป็นปรัชญาขั้นสูง อ่านแล้วต้องคิดตามสักนิด เพื่อจะนำแนวคิดดังกล่าวนี้ไปใช้ได้ง่ายขึ้น..ความเป็นหนังสือจึงมุ่งเน้นสรุปประเด็นสำคัญๆ พร้อมการเปรียบเปรยให้สัมผัสได้ง่ายขึ้นว่า แนวคิดการสร้างแบรนด์สินค้า กับแนวคิดการสร้างศักยภาพของคนทำงานที่ดีนั้น คล้ายเหมือนกันอย่างไร?..

หนังสือ “แนวคิด” / “คำคม” ก่อให้เกิด “มูจิ” ประกอบด้วยบทตอนที่สำคัญรวมห้าบทตอนดังนี้..

 คือ..*ความคิดนั้นเรียบง่ายตั้งแต่รากฐานเสมอ จงวิเคราะห์พฤติกรรมของคนให้ได้..

*เมื่อมีความเป็นอยู่ที่ดี...สังคมก็ดีขึ้นไปด้วย..เศรษฐกิจนั้นคือวิธีการไม่ใช่วัตถุประสงค์ ส่วนวัตถุประสงค์ คือการมีชีวิตที่รู้สึกดี..

*วิธีปฏิบัติของมูจิ ..นับแต่ อดีต ปัจจุบันสู่อนาคต..

*วัฒนธรรมและองค์กรที่ก่อให้เกิดมูจิ..วิสัยทัศน์ของบริษัทเรียวฮินฯ..และ

* “มูจิ” ว่างเปล่าจึงไร้ขีดจำกัด..กลยุทธ์ของมันก็คือการนำประโยชน์มาต่อยอดอย่างไม่มีสิ้นสุด..!

มาถึงวันนี้ “มูจิ” ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์ระดับโลกของญี่ปุน ซึ่งมี..คู่มือการทำงานหนากว่าสองพันหน้า..ที่โดดเด่นที่สุด .คือมันประกอบสร้างขึ้นด้วยความเรียบง่าย..และกลมกลืนไปกับสภาพ..และเบื้องหลังความสำเร็จของมูจิมาจากการสร้าง “MUJIGRAM” หรือแผนงานที่มีชีวิตชีวา เพื่อแปรเปลี่ยนประสบการณ์ และ การทำงานของเหล่าพนักงานตามสัญชาตญาณของเหล่าพนักงานให้เป็นแผนงานที่ชัดเจน...

กล่าวโดยสรุป..มูจิคือแนวคิดของการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่ายและประหยัดทรัพยากร โดยเปรียบผลิตภัณฑ์เสมือนภาชนะที่ว่างเปล่า สร้างพบภาชนะ สำหรับให้ทุกคน สามารถใส่ความนึกคิดและความรู้สึกลงไปได้..ก่อให้เกิดความเป็นสากลขั้นสูงสุด เป็นที่ยอมรับของทุกคน เหตุนี้จึงทำให้มูจิมีความเรียบง่ายและสามารถตอบโจทย์ของไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี..มูจิจึงเป็นแบรนด์ที่เป็นยิ่งกว่าความเรียบง่ายในสไตล์มินิมอล..

 ...*ถ้าหากย้อนกลับไปสู่อดีต..ในสมัยที่ญี่ปุ่นยังนิยมซื้อสินค้าแบรนด์เนมและใช้สินค้าที่มีราคาแพง.. แต่ในช่วงปีค.ศ.1980 มูจิกลับสร้างแบรนด์ที่สวนกระแส ด้วยการผลิตสินค้าที่ทรงคุณภาพ แต่มีราคาย่อมเยา มีแพคเกจจิ้งแสนเรียบง่าย เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าอย่างคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด..

อันที่จริงแล้วแบรนด์มูจิ ที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อติดหูคนทั้งโลก มีชื่อเต็มไปว่า... “MUJIRUSHI RYOHIN” ซึ่งแปลว่า “สินค้าคุณภาพที่ไม่มีแบรนด์” อันเป็นความหมายที่ตรงไปตรงมา และยังคงซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค มาจนถึงทุกวันนี้..นี่เป็นหนังสือ..แห่งศาสตร์ของการใช้ชีวิตร่วมยุคสมัย ด้วยสำนึกของการรู้คุณค่าของความพอเหมาะพอดีต่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข..มันคือหนทางที่อาจบอกได้ว่า มันสวนทางกับค่านิยมแห่งความฟุ้งเฟ้อที่มีราคาแพงแสนแพง

“แค่มีมูจิก็พอ” (MUJI IS ENOUGH) เพราะมูจิคิดมาก่อนแล้วว่า สินค้าอะไรเป็นสินค้าที่ดี และเหมาะสมกับชีวิตประจำวันของผู้คน.

 “เอกลักษณ์ของมูจิ..คือ เป็นสินค้าที่ดีแต่ไม่มียี่ห้อ ไม่มีภาพแสดงสำคัญใดๆต่อความเป็นตัวตนที่อวดอ้าง..ไม่มีการโฆษณา แต่ใช้วิธีการบอกกล่าวแบบปากต่อปาก..สิ่งที่ขับเน้นความเป็นมูจิ คือตัวสินค้าที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่ายใช้งานได้ดี(Less is More) โดยกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมภายนอก..เป็นความเรียบง่ายที่ดีต่อใจ...ชีวิตนี้..จึงแค่มีมูจิก็พอ..!”