"สว.ใหม่พาเหรดรายงานตัววันแรกคึกคัก  "มงคล สุระสัจจะ" ปัดตอบตัวเต็งปธ.วุฒิฯ บอกยังใหม่มาก ไม่เคยฝันนั่งตำแหน่งประมุขสภาสูง 'ชิบ'รับยังไม่มีคนในดวงใจนั่งประธานวุฒิสภา ยันประธานวุฒิฯ ต้องแม่นกฎหมาย ขณะที่ผู้สมัครสว. ควงแขนบุกร้องกองปราบ แจ้งความดำเนินคดี กกต. ข้อหาให้มีการลงคะแนนโดยไม่สุจริต

     ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 11 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีว่าที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดใหม่ที่ กกต.ประกาศรับรองผล และถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ได้ทยอยเดินทางมารอรับเอกสารรับรอง สว.เพื่อไปรายงานตัวที่รัฐสภา โดยผู้ที่มารายงานตัวจะได้รับเอกสารรับรองจาก กกต. และเอกสารสำหรับ สว. คือหนังสือการรับแสดงตนของ สว. ประกาศของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเรื่องกำหนดวัน และเวลาการรับแสดงตน และคิวอาร์โค้ดคู่มือการแสดงตน
    
 สำหรับผู้ที่มาเป็นคนแรกคือ น.ส.นวลนิจ หงษ์วิวัฒน์ ว่าที่ สว.กลุ่ม 19 กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เดินทางมารอรับหนังสือรับรองเป็นคนแรก โดยมาถึงเวลา 07.30 น. และนั่งรอที่ห้องที่สำนักงาน กกต.จัดไว้ โดย น.ส.นวลนิจ กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับเลือก และที่มารายงานตัวตั้งแต่เช้าก็เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย ส่วนตัวมองภารกิจเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าเป็นเรื่องของประเทศชาติ ที่ประชาชนทุกกลุ่มจะได้รับผลกระทบจากการแก้ไขทั้งดีและไม่ดี แต่ส่วนใหญ่จะดีเพราะผ่านกระบวนการคิดมาแล้ว แต่ในฐานะที่ได้รับเลือกเป็น สว.ยังคิดว่าเราควรที่จะระดมสมองเพื่อหาข้อยุติว่าเราควรแก้ไขไปทางไหนให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติให้มากที่สุด
    
 ผู้สื่อข่าวถามถึงการเลือกประธานวุฒิสภา น.ส.นวลนิจ กล่าวว่า ทุกคนมีคุณสมบัติที่ดี ขณะนี้เราเป็นโลกโซเชียลที่ทุกคนสามารถเข้าไปหาข้อมูลได้ รวมถึง สว.แต่ละคนก็มีคุณวุฒิที่โดดเด่นอยู่แล้ว เราสามารถไปช่วยกันพิจารณาคัดกรองกันอีกทีได้ ส่วนตัวขณะนี้ยังไม่มีใครในใจและไม่มีใครมาเสนอตัว แต่ก็ดูตามสื่อเห็นว่ามีท่านนั้นท่านนี้ซึ่งเราก็เอาไว้พิจารณาอีกที
   
  สำหรับตำแหน่งประมุขของสภาสูงควรที่จะมีสัดส่วนของผู้หญิง และตนก็พร้อมถ้าหากได้รับการเสนอชื่อ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งเพราะว่าทำงานต่อสู้เรื่องสิทธิสตรีอยู่แล้ว และเคยทำงานที่สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อเข้ามาสิ่งแรกที่ควรนึกถึงคือ ผู้หญิง เพราะผู้หญิงต้องรับผิดชอบงานมาก จึงควรต้องได้รับการยกย่องและได้รับสิทธิต่างๆ แม้ว่าประเทศของเราจะให้สิทธิกับผู้หญิงมากแล้วแต่ยังมีหลายสิ่งที่ควรเพิ่มเติม ถ้าผู้หญิงมีคุณภาพชีวิตที่ดีประเทศก็จะเจริญรุ่งเรือง ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเดินทางไปรายงานตัวที่สำนักเลขาธิการวุฒิสภาทันที
   
  ด้าน นายชิบ จิตนิยม สว.กลุ่มสื่อมวลชน ที่เดินทางมารับหนังสือรับรอง ให้สัมภาษณ์ว่า บทบาทของ สว. เป็นบทบาทสำคัญที่ต้องมีความรู้ ความสามารถ ทำการบ้านเยอะ โดยเฉพาะตำแหน่งประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภา เรื่องของตัวบทกฎหมาย ระเบียบวาระต่างๆต้องมีความแม่นยำ ทำอย่างไรให้สภามีความสมดุล ซึ่ง สว.แต่ละคนที่เข้ามาก็หวังผลักดันวาระของตน การตั้งกรรมาธิการชุดต่างๆ การจัดทำยุทธศาสตร์ ซึ่งประธานวุฒิสภาต้องแม่นมากๆ ถือเป็นความท้าทาย
   
  ผู้สื่อข่าวถามถึงแคนดิเดตตำแหน่งประธานวุฒิสภา มี 2 รายชื่อคือ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ และนายมงคล สุระสัจจะ มองว่าเหมาะสมหรือไม่ นายชิบ กล่าวว่า พูดยาก เพราะยังไม่มีโอกาสได้ฟังเสียงทั้งสองคน ต้องทำความรู้จักมักคุ้นกัน แต่เชื่อว่าคนที่จะมาทำหน้าที่นี้ต้องรู้จักตัวเองว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อถามย้ำว่า ตำแหน่งประธานวุฒิสภา จำเป็นต้องเป็นนักกฎหมายหรือนักบริหารจึงจะมีความเหมาะสมมากกว่ากัน นายชิบ กล่าวว่า ควรเป็นนักกฎหมาย เพราะเท่าที่ดูระเบียบวาระการประชุม การตั้งคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ หากไม่แม่นกฎหมายจริงๆ อ่านครั้งแรกเชื่อว่างง ดังนั้นหากเป็นคนที่มีพื้นฐานด้านกฎหมายจะง่ายขึ้น ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกันภายในกลุ่มถึงการส่งบุคคลเข้าไปชิงตำแหน่งประธานและรองประธานวุฒิสภา ทั้งนี้หากดูจำนวนในขณะนี้ต้องยอมรับว่าบางคนก็มีเสียงหนุนเกินครึ่งของวุฒิสภา และ สว.อิสระก็มีมาก หากตัวท่านเองมีจุดยืน ก็คงต้องต่อสู้ตามกระบวนการ
   
  อย่างไรก็ตาม สว.ก็มีความเป็นกลางอยู่แล้ว และ สว.ทุกคนแบกความหวังของประชาชนไว้มาก จึงต้องดูในภาพรวม ไม่ใช่กลุ่มอาชีพ การที่จะตัดสินใจเลือกตำแหน่งประธานหรือรองประธาน เชื่อว่าแต่ละคนจะยึดมั่นในหลักการของตัวเอง ส่วนจะมีการต่อรองหรือไม่ เชื่อว่าอาจจะมีบ้าง
   
  นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี สว. กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารับหนังสือรับรองสว.จากกกต. ว่า วันนี้เพิ่งมารับเอกสารรายงานตัววันแรกยังต้องทำความรู้จักกับสว.ท่านอื่นๆ อีกมาก รวมถึงจะต้องมีการพูดคุยกันในเรื่องของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเป็นประธาน และรองประธานวุฒิสภา ส่วนรายชื่อแคนดิเดตที่ออกมา 2 รายชื่อ เป็นแค่การคาดการณ์ยังต้องพูดคุยกันอีกมาก เบื้องต้นทั้ง 2 ท่านก็เป็นผู้ทรงคุณวุฒิอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนของคุณสมบัติ ผู้ที่เหมาะสมจะเข้าดำรงตำแหน่งตนยืนยันว่าจะต้องมีการพูดคุยกัน ส่วนตัวยังไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังต้องมีการปรึกษากับเพื่อนสว.ก่อนว่าจะมีความเห็นอย่างไร
  
   เมื่อถามถึงกระแสข่าวสว.สายสีน้ำเงิน ที่มีจำนวนเสียงกว่า 150 คน จะทำให้การทำงานในสภาเป็นไปโดยเอกภาพ หรือเผด็จการ นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่พูดกันไป แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะอยู่ในสายไหน ยังจะต้องใช้เวลาในการเจรจาร่วมกัน อย่างไรก็ตามการทำงานในวุฒิสภาน่าจะมีความเป็นเอกภาพ เพราะสว.ชุดเก่ายังมีการสบประมาท สั่งให้หุบปาก ซึ่งในวันนี้ตนคิดว่า ถึงเวลาที่เราจะต้องหันหน้าปรองดองซึ่งกันและกัน เมื่อถามถึงเรื่องที่นายวีระศักดิ์จะเข้าไปมีบทบาทใน สว. นั้น นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า คิดง่ายๆอย่างการกลั่นกรองกฎหมาย หรือการแต่งตั้งตำแหน่งในองค์กรอิสระซึ่งจะต้องไปว่ากันในอนาคต แต่ส่วนตัวเห็นว่ากระบวนการการเลือกสว.มีปัญหามาก คนที่คาดหวังว่าจะได้คะแนนสูงก็ยังไม่ได้ สังคมมีความสับสน ดังนั้นควรจะเร่งแก้ตรงนี้ก่อน สว.พึงสังวรว่ามาทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติและแผ่นดินเกิด ควรจะทำตรงนี้ให้เข้ารูป เข้าร่าง เข้ารอย คงไม่เสียมารยาทมากเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ในตอนนี้
  
   ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือเรื่องเร่งด่วนหรือไม่ นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า อย่าถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำ ยังต้องฟังความเห็นของเพื่อนสมาชิกว่ามีเหตุผลอย่างไร แต่อย่างน้อยเราคิดว่ามันมีปัญหาเยอะ ทำให้คนในประเทศแตกแยกกันมากทำให้คนในครอบครัวเดียวกันคิดต่างกัน เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรร่างใหม่ทั้งฉบับ หรือแก้ไขบางส่วน นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องปรึกษากับหลายฝ่าย ตัวเองทำเองคนเดียวไม่ได้
  
   ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรายงานตัวสว.ที่ได้รับการรับรอง กกต.200 คน วันแรก โดยสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้จัดสถานที่ไว้รับรอง สว.ใหม่ โดยให้เจ้าหน้าที่ไปรอรับ ลงรถและพามาที่ห้องรายงานตัว สำหรับคนที่เดินทางมารายงานตัวคนแรกคือ นายชาญวิศว์ บรรจงการ สว.กลุ่ม 13 ผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร สส.จังหวัดพังงา พรรคพลังประชารัฐ
   
  นายชาญวิศว์ เปิดเผยว่า วันนี้ตั้งใจมาแต่เช้ารถไม่ติดเลยมาถึงเร็ว ได้เข้ามาทำหน้าที่ สว. แล้วถือว่าได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนคนไทย ส่วนเป้าหมายในการทำหน้าที่ก็ยึดตามกฎหมายที่ กกต.กำหนด คือ ตรวจสอบดูแลรัฐบาล สำหรับงานที่อยากจะขับเคลื่อนเป็นพิเศษนั้นคิดว่า เป็นหน้าที่ของ สว.โดยตรงอยู่แล้วไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนกติกาของการเลือก สว.ครั้งนี้ที่หลายคนมองว่าค่อนข้างพิสดารนั้นส่วนตัวคิดว่าต้องยอมรับในข้อกฎหมายที่ออกมาไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น หรือระดับประเทศ หากคิดว่ามีปัญหาก็มีปัญหากันหมด แต่เมื่อเราทำตามกติกาก็คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะกฎหมายออกมาแบบนี้ถือว่าเราได้ทำตามกฎหมายแล้ว
    
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาต่อมา กลุ่มสว. จากจังหวัดสุรินทร์ได้เดินทางมารายงานตัวพร้อมกัน 6 คน โดยนั่งรถตู้มาคันเดียวกัน โดยมี นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย และนายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย มารอต้อนรับถึงห้องรับแสดงตน เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้งหมดแต่งตัวโดยสวมเสื้อสีเหลือง นอกจากนี้ยังมี นายพรเพิ่ม ทองศรี พี่ชายนายทรงศักดิ์ ทองศรี อดีตรมช.มหาดไทย เข้าแสดงตัวเป็นสว.ด้วย
    
 ด้าน นายมงคล สุระสัจจะ ภายหลังเสร็จจากการรายงานตัว ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามกรณีที่มีชื่อปรากฏเป็นแคนดิเดตประธานวุฒิสภา ซึ่งนายมงคล ปฏิเสธให้สัมภาษณ์โดยระบุเพียงว่า "ผมไปไหนมาไหนไม่สะดวกเลย ไม่ได้คิดอะไร ผมไม่ชอบแบบนี้" จากนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงความพร้อมในการนั่งตำแหน่งประธานวุฒิสภาอีกครั้ง นายมงคล จึงกล่าวว่า ผมยังใหม่มาก เป็นครั้งแรกในชีวิตถือว่าใหม่มากคงยังพูดอะไรไม่ได้ พร้อมกล่าวด้วยว่า ตนไม่ทราบเลย เพราะไม่ได้คิด ไม่ได้ฝัน เรื่องนี้ยังคิดอะไรไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจใช่หรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า ตนไม่รู้เรื่อง
   
  วันเดียวกัน ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว(อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร.) และคณะผู้สมัครสว. เข้าร้องทุกข์แจ้งความ ดำเนินคดีกกต. ทั้ง 7 คน และเลขาฯกกต.กรณีดำเนินการจัดให้มีการลงคะแนนเลือกตั้งสว.ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม โดย พล.ต.ท.คำรบ  เปิดเผยว่า ครั้งนี้มองเห็นถึงความไม่เที่ยงธรรมของการลงคะแนนจึงมาที่กองปราบเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับกกต.ทั้ง 7 ท่าน และเลขากกต.ซึ่งรายละเอียดจะแจ้งให้ทางพนักงานสอบสวนทราบอีกครั้ง
   
  เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.ค. เลขาฯกกต.ได้แถลงข่าวได้ตั้งข้อสังเกตในการแถลงข่าวเลขฯกกต.ว่าอาจจะเตรียมพร้อมไม่ดี เพราะมีการพูดจาในลักษณะวกไปวนมา ซึ่งตนสามารถสรุปที่เลขาฯกกต.แถลงได้ 3 ประเด็น คือ กกต.พบเห็นสิ่งผิดปกติ ระหว่างการลงคะแนน โดยแยกเป็นเรื่องคำร้องเรียนไว้ 3 ประเด็น คือ 1.เรื่องของการร้องเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้สมัครที่ไม่ครบและไม่ถูกต้อง คนตั้งแต่ระดับอำเภอ-จังหวัด ซึ่งกกตระบุว่าไม่ถูกต้องประมาณ 65% และมีบัตรถูกร้องเรียนประมาณ 800 นั่นหมายความว่ามีผู้คุณสมบัติไม่ครบประมาณ 600 กว่าราย
   
  2.พบว่ามีคำร้องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือกอาจจะไม่เรียบร้อยติดมารับคำร้องประมาณ 3 เรื่องซึ่งแค่ 3 เรื่องควรระบุได้ว่าเป็นเรื่องใดบ้างแต่กลับไม่ระบุ 3. เรื่องการร้องเรียนการลงคะแนนไม่สุจริตเที่ยงธรรมโดยพลตำรวจโทคำรบ อ้างว่าสามารถจำตัวเลขที่เลขากกต.แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีทั้งหมด 47 เรื่อง เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ปปง.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมสอบสวนคลี่คลาย ซึ่งกรณีดังกล่าวพลตำรวจโทคำรบตั้งข้อสังเกตว่า กกต.ยังไม่รับรู้ในเรื่องของการพิสูจน์แต่มาด่วนสรุปว่าสุจริตและเที่ยงธรรม และจะใช้อำนาจตามมาตรา 42 ว่าหลังจากลงคะแนนได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการลงคะแนนโดยสุจริตและเที่ยงธรรมจึงประกาศรับรองสว.ซึ่งขัดแย้งกับที่เคยระบุไว้ว่ายังค้างคาอยู่ 47 เรื่อง ทั้งนี้ ในมาตรา 42 ระบุว่าหลังลงคะแนนควรเก็บไว้ 5 วัน เป็นอย่างน้อยซึ่งสามารถเก็บไว้กี่วันก็ได้ จนสามารถพิสูจน์ได้ว่าบริสุทธิ์และเที่ยงธรรมจึงค่อยประกาศว่าถูกต้อง
    
 เดิมวันนี้อยากจะแจ้งเพียงแค่มาตรา 32 แต่หลังจากพิจารณาแล้วคาดว่าจะต้องนำมาตรา 157 เข้ามาประกอบด้วย  ถือเป็นความชอบธรรมที่ผมและคณะจะมาแจ้งความดำเนินคดีต่อท่านโทษฐานที่เบียดเบียนการปฏิบัติตามหน้าที่เป็นความผิดตามมาตรา 32 และมาตรา 157" พล.ต.ท.คำรบ กล่าว