ออกเดินสาย ลุยหาเสียงอย่างหนัก ด้วยความหวังพลิกฟื้นศรัทธา เรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาให้ได้กันอีกคำรบ
สำหรับ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ที่หมายมั่นปั้นมือว่า จะยังคงนั่นเก้าอี้ประธานาธิบดีในทำเนียบขาวได้อีกสมัย ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคเดโมแครต
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา ได้มีเสียงเรียกร้องขอให้เขาถอนตัวออกไปเสีย จากการชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 (พ.ศ. 2567) ที่จะมีขึ้นปลายปีนี้
โดยเสียงเรียกร้องข้างต้น มีขึ้นภายหลังจากที่ประธานาธิบดีไบเดน พ่ายแพ้อย่างหมดสภาพต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกันคู่แข่ง ในการอภิปรายโต้วาทีเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ หรือดีเบต ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ด้วยผลโหวตของผู้ชมที่ออกมา ปรากฏว่า ประธานาธิบดีไบเดน พ่ายแพ้ให้แก่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์มากกว่าครึ่งต่อครึ่ง โดยประธานาธิบดีไบเดน ได้ผลโหวตที่เพียงร้อยละ 33 ส่วนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ผลโหวตไปถึงร้อยละ 67
ทั้งนี้ เพราะในระหว่างการดีเบต ประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งมีวัยมากถึง 81 ปีแล้วนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงความชราภาพเป็นประการต่างๆ ออกมา ไม่ว่าจะการพูดจาตอบโต้ หรือแม้กระทั่งพูดให้ผู้ฟังรู้เรื่อง ก็ยังยากลำบาก รวมถึงเรื่องการเดิน การเหิน ขึ้นเวทีเบตของเขา กระทั่ง นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ สวมบทเป็น “นางแบก” ออกมาแก้ต่างให้
นอกจากนี้ ก็ยังมีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีไบเดน มีปัญหาสุขภาพ ที่อาจถึงขั้นป่วยเป็นโรคพาร์กินสันไปแล้วก็ได้ ภายหลังจากพบว่า มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาเดินทางเข้าไปทำเนียบขาวบ่อยครั้ง ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเป็นต้นมา ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาที่ว่า จะเข้าไปรักษาอาการป่วยให้แก่ประธานาธิบดีผู้สูงวัยรายนี้ แม้ว่าทางทีมงานโฆษกทำเนียบขาว ได้ออกมาปฏิเสธข่าวก็ตาม
ส่งผลให้เกิดเสียงเรียกร้องจากหลายภาคส่วนว่า ขอให้ประธานาธิบดีไบเดนถอนตัว ออกจากการชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดาพลพรรคของเดโมแครตเอง ที่ประธานาธิบดีไบเดนสังกัดอยู่ ต่างก็ประสานเสียงขอให้เขาถอนตัวออกไปเสีย อาทิเช่น
นายคริส เมอร์ฟี สมาชิกวุฒิสภา หรือสว. รัฐคอนเนตทิคัต พรรคเดโมแครต ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการ “สเตท ออฟ เดอะ ยูเนียน” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า ไม่ได้เกี่ยวกับคำถามเรื่องคุณสมบัติ หรือคุณความดีของเขาในอดีต แต่คำถามก็คือว่า นายโจ ไบเดน ยังเป็นโจ ไบเดน คนเดิมอยู่อีกหรือไม่?
นายอดัม ชิฟฟ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสส. รัฐแคลิฟอร์เนีย พรรคเดโมแครต ให้สัมภาษณ์ในรายการ “มีท เดอะ เพรสส์” ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีว่า อำนาจการตัดสินใจว่าจะถอนตัวออกจากการชิงชัยในศึกเลือกตั้งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับนายไบเดน เป็นผู้ตัดสินใจเอง แต่อย่างไรก็ดี อยากจะให้นายไบเดน ได้พิจารณาถึงผลกระทบโดยรวมจากการเลือกตั้งเป็นประการสำคัญ ซึ่งมิใช่แต่เฉพาะว่า จะส่งผลกระทบต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ยังอาจจะกระเทือนถึงการเลือกตั้งอื่นๆ ในวันเดียวกันนั้นด้วย ได้แก่ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ตลอดจนผู้ว่าการรัฐต่างๆ อันหมายถึงอนาคตของประเทศ
ขณะที่ ในส่วนของประธานาธิบดีไบเดน ก็ได้ออกเดินสายอย่างหนักขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุด ท่ามกลางปัญหาสุขภาพของเขา โดยมีรายงานว่า ประธานาธิบดีไบเดน เดินทางไปพบปะกับประชาชนตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงโบสถ์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดกิจกรรมในช่วงวันอาทิตย์ เช่น ที่โบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย เป็นต้น
ทั้งนี้ ในระหว่างที่ประธานาธิบดีไบเดน พบปะกับประชาชน ก็มักจะพูดถึงความสำเร็จของเขา ในการบริหารประเทศในฐานะประธานาธิบดีในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไบเดน ยังมักจะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ในลักษณะถ้อยคำที่ว่า ตัวเขามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม ประชาชนเหล่านั้น ก็ยังกังวลต่อปัญหาสุขภาพของประธานาธิบดีไบเดน ที่อาจจะมีผลกระทบต่อการทำงานบริหารประเทศของเขา หากได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย
ว่ากันในส่วนของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์คู่ปรับ ก็แสดงทรรศนะว่า เขาไม่คิดว่านายไบเดน จะถอนตัวออกจากการแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้น เพราะนายไบเดน เป็นคนที่มีอัตตา หรืออีโก้สูง
ดูเหมือนว่า มาถึง ณ เวลานี้ ที่ประธานาธิบดีไบเดน มีสภาพอย่างที่เห็น ทางอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็อยากจะชิงชัยสู้ศึกเลือกตั้งกับประธานาธิบดีไบเดนยิ่งกว่าใครๆ เพราะจะได้โอกาสในการแก้มือ ท่ามกลางปัญหาสุขภาพของประธานาธิบดีไบเดนที่ชราภาพลงเป็นอย่างมากในตอนนี้ อันมีความหมายต่อคะแนนนิยมของประธานาธิบดีไบเดน ที่กำลังตกต่ำอย่างที่กำลังเป็นนี้อยู่ด้วย
โดยจากการสำรวจความคิดเห็น หรือโพลล์ ของประชาชน ที่มีต่อประธานาธิบดีไบเดน กับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ณ ชั่วโมงนี้ ปรากฏว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังมีคะแนนนิยมนำหน้าเหนือกว่าประธานาธิบดีไบเดน แทบจะทุกสำนักโพลล์ อาทิเช่น
วิทยาลัยอีเมอร์สันคอลเลจโพลล์ ให้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ นำหน้าประธานาธิบดีไบเดน อยู่ที่ร้อยละ 44 ต่อ 40
มอร์นิงคอนซัลท์โพลล์ ให้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ นำประธานาธิบดีไบเดน อยู่ที่ร้อยละ 44 ต่อ 42 เป็นต้น
อย่างไรก็ดี หากพรรคเดโมแครต จะนำคนอื่นๆ ภายในพรรคมาต่อกรกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะเอาชนะต่ออดีตประธานาธิบดีฝีปากรายนี้ เพราะเมื่อสำรวจโพลล์แล้ว ปรากฏว่า ตามหลังอดีตประธานาธิบดีทรัมป์กันทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ที่ทางเดโมแครตมีความหวังกับรองประธานาธิบดีหญิงรายนี้ ก็มีคะแนนนิยมตามหลังอดีตประธานาธิบดีทรัมป์อยู่หลายจุด