วันที่ 11 ก.ค.67 บริเวณบ่อสูบน้ำกองพันทหารสารวัตรที่ 11 เขตราชเทวี นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำทีมงานจากสำนักการระบายน้ำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสนอผลดำเนินการและความคืบหน้าโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมถนนศรีอยุธยา และถนนพระรามที่ 6 โดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังข้อมูล

 

นายศุภมิตร ลายทอง รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ ด้านปฏิบัติการ กล่าวถึงที่มาโครงการว่า เนื่องจากตลอดแนวถนนศรีอยุธยาประสบปัญหาน้ำท่วมมานาน ตั้งแต่บริเวณแยกศรีอยุธยาถึงแยกราชปรารภ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ เช่น บริเวณพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด สน.พญาไท โรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ฯ โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย เป็นต้น การดำเนินการแก้ไขทำได้ยาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ในเมือง มีระบบสาธารณูปโภคจำนวนมาก ผู้บริหาร กทม.จึงใช้วิธีดันท่อปลอกเหล็กลอดใต้ดิน (Pipe Jacking) โดยใช้หัวเจาะใต้ดินเป็นตัวนำ เพื่อเลี่ยงการเปิดผิวถนนส่งผลกระทบการจราจร โดยเริ่มดำเนินการปี 2561 วงเงินงบประมาณ 960 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการทั้งหมดดำเนินการแล้วร้อยละ 90 ประกอบด้วย บ่อสูบน้ำ 3 บ่อ คือ บริเวณถนนพระรามที่ 6 บริเวณคูน้ำกองพันทหารสารวัตรที่ 11 และบริเวณหัวบึงมักกะสัน ซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้ว เหลือส่วนเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้าเข้าระบบเครื่องสูบน้ำทั้งหมดภายในเดือน ก.ค.นี้ ก็จะแล้วเสร็จสมบูรณ์

 

นายวิศณุ กล่าวว่า เหตุผลในการทำ Pipe Jacking โครงการนี้ เนื่องจากท่อที่มีอยู่เดิมมีขนาดเล็ก การขยายต้องรื้อผิวถนนเพื่อก่อสร้างตลอดแนว ติดอุปสรรคในการเคลื่อนย้ายระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ในพื้นที่ จึงใช้วิธี Pipe Jacking หรือการขยายท่อระบายน้ำขนาด 1.8 เมตร ในชั้นใต้ดิน ทดแทนของเดิมที่อยู่สองข้างถนน เพื่อเพิ่มกำลังระบายน้ำจากผิวถนนพระรามที่ 6 มาลงที่บ่อสูบน้ำกองพันทหารสารวัตรที่ 11 เนื่องจากถนนพระรามที่ 6 มีความยาว จึงต้องอาศัยการระบายน้ำ 2 ส่วน คือการทำ Pipe Jacking เพื่อรับน้ำมาลงที่บ่อสูบน้ำกองพันทหารสารวัตรที่ 11 จากนั้นจึงเชื่อมต่อน้ำทั้งหมดไปยังบ่อสูบโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อระบายลงคลองสามเสนต่อไป ส่วนน้ำจากถนนศรีอยุธยาจะมาพักที่บ่อสูบน้ำกองพันทหารสารวัตรที่ 11 เช่นกัน แต่จะเชื่อมต่อไประบายลงบึงมักกะสัน

 

"โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2561 เป็นจุดอ่อนน้ำท่วมในกรุงเทพฯที่สำนักการระบายน้ำทราบอยู่แล้ว ซึ่งจุดนี้อยู่ในแผนสำรวจจุดอ่อนน้ำท่วมของ กทม. ตั้งแต่ปี 2565 ตามแผนแก้ไข 617 จุดที่เกิดจากน้ำฝน และ 120 จุดที่เกิดจากน้ำเหนือและน้ำหนุน อยู่ระหว่างดำเนินการทั้งหมด ซึ่งแต่ละจุดอาจต้องทำหลายเรื่อง เช่น ทำเขื่อน ขุดลอกคูคลอง เพิ่มกำลังเครื่องสูบน้ำ ขยายท่อระบายน้ำ หรือการใช้ Pipe Jacking ช่วย เพื่อเร่งระบายน้ำฝนในกรุงเทพฯทั้งหมดลงแม่น้ำเจ้าพระยาในที่สุด"

 

นายวิศณุ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการแก้ไขจุดเสี่ยงน้ำท่วมตามแผนสำรวจไปแล้ว 109 จุด อยู่ระหว่างดำเนินการปี 2567 จำนวน 32 จุด ซึ่งจะมีการของบประมาณดำเนินการต่อไป โดยในปีนี้ กทม.ให้ความสำคัญจุดหลักที่อยู่บนถนนใหญ่ ซึ่งเริ่มดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ 1.บ่อสูบน้ำคูน้ำสารวัตรทหารที่ 11 เขตราชเทวี 2.ถนนพระรามที่ 9 บริเวณแยก อสมท. เขตห้วยขวาง 3.ถนนรัชดาภิเษก ช่วงบริเวณหน้าศาลอาญา เขตจตุจักร 4.ถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงวงเวียนบางเขน เขตบางเขน 5.ทำนบกั้นน้ำคลองลำผักชี ข้างตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน 6.ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ บริเวณหน้าอาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B ) เขตหลักสี่ 7.โครงการก่อสร้างถนนต่อเชื่อมศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 กับถนนประชาชื่น (ถนนหมายเลข 10) เขตหลักสี่ 8.ถนนแจ้งวัฒนะ ซอยแจ้งวัฒนะ 14 บริเวณบึงสีกัน เขตหลักสี่

 

"ในปีนี้การระบายน้ำในกรุงเทพฯ ทุกจุดต้องดีขึ้น ประชาชนสามารถเทียบและสังเกตได้จากพื้นที่หน้าบ้านต้องมีการระบายน้ำดีขึ้น หากมีจุดใดแย่ลง หรือมีน้ำท่วมขังเกิน 1-2 ชั่วโมงหลังฝนตก สามารถรายงานกรุงเทพมหานครได้ทันที" นายวิศณุ กล่าว