เมื่อวันที่ 11 ก.ค.67 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" ระบุว่า *วิวาทะระหว่างสภาสูง กับ สภาล่าง อันอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
-ความเห็นผมจะจริง หรือไม่จริง ขอให้อนาคตเป็นผู้ตัดสิน
-สภาสูงหรือวุฒิสภาที่มาจากการเลือกกันเองทั้ง 200 จะมีความเป็นกลางหรือมีความเป็นอิสระหรือไม่ ให้ดูว่าสภาสูงคลอดหรือถือกำเนิดมาจากครรภ์ของใคร หากสภาสูงคลอดมาจากครรภ์ของพรรคการเมือง สภาสูงย่อมไม่รอดพ้นจากการครอบงำจากมารดาผู้ให้กำเนิด
-ผมคิดต่อไปว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าสภาล่างหรือสภาผู้แทนราษฎรซึ่งประชาชนเป็นผู้ให้กำเนิด อาจจะมีพรรคการเมืองที่มี“เฉดสี”ใด เฉดสีหนึ่งชนะการเลือกตั้ง และอาจจะเป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว ที่อาจได้เสียงเกิน 250 เสียงและตั้งรัฐบาลได้
-อาจเป็นไปได้ หรือ อาจเป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ก็ขอให้อนาคตเป็นผู้ตัดสิน
-หากรัฐบาลสามารถตั้งได้โดยพรรคการเมืองพรรคเดียวกฎหมายที่ออกโดยพรรคการเมืองที่มี“เฉดสี”ย่อมมีนโยบายเป็นไปตามแนวทางของพรรคการเมืองนั้นๆ
-ผมลองสมมุติว่าหากสภาล่างเสนอกฎหมายเช่น แก้ไขความผิดตามมาตรา 112 หรือเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 112 อะไรจะเกิดขึ้น สภาสูงจะเห็นด้วยหรือไม่ ผมคิดเอาเองว่า สภาสูงจะไม่เห็นด้วย และจะต้องถูกยับยั้งโดยสภาสูงอย่างแน่นอน
-แต่หากกฎหมายที่ถูกยับยั้งโดยสภาสูงถูกยืนยันโดยเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาล่างอีกครั้งหนึ่ง ก็เป็นอันว่า กฎหมายนั้นได้รับความเห็นชอบจาก“รัฐสภา”แล้ว นายกรัฐมนตรีก็ต้องดำเนินการด้วยการส่งขึ้นทูลเกล้าเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย
-นี่คือความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น
-สิ่งที่ผมคิดอาจจะไม่จริง ความจริงอาจไม่ใช่สิ่งที่ผมคิด แต่สิ่งที่ปรากฎต่อหน้าเราขณะนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนใช่หรือไม่?
-เราผู้ออกจากระบบมาแล้ว เหมือนทหารที่ถูกปลดเป็นพลเรือน ไม่มีหน้าที่ทำการรบแล้ว ได้แต่นั่งมองสงครามที่อาจจะเกิดขึ้น
-ก็ขอให้อนาคตเป็นผู้ตัดสิน
#นิพิฏฐ์อินทรสมบัติ #มาตรา112 #วุฒิสภา #ข่าวการเมือง #เลือกตั้ง