ภายหลังจากเครือเซ็นทารา รีแบรนด์โรงแรม เซ็นทรา บาย เซ็นทารา สู่ เซ็นทารา ไลฟ์ ยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยวอย่างมีสีสันโดยมีหัวใจหลักของแบรนด์ คือ การมอบประสบการณ์ที่มีสีสัน และที่พักสุดสบาย เน้นโทนสีที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ตื่นตัว และเปี่ยมไปด้วยพลัง ผ่าน 4 สีหลัก ได้แก่ สีเขียวอมฟ้า ให้ความรู้สึกสดชื่น สีส้ม ที่สื่อถึงพลังและความสุข สีม่วงลาเวนเดอร์ ที่สะท้อนถึงความสมดุลและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และสีเขียวมินต์ที่สื่อถึงความสงบและธรรมชาติ พร้อมบริการต่าง ๆ ที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดหลัก 4 ประการ คือ 1.สิ่งจำเป็น (Life Essentials) 2.ความน่าตื่นเต้น (Life Surprises) 3.ความยืดหยุ่นและมีอิสระ (Life Flexibility) และ 4.การเชื่อมต่อ (Life Connectivity) เพื่อตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในอนาคตได้อีกด้วย
เพิ่มสีสันให้กับโรงแรม
โดย นางสาวเมตตา บุญญฤทธิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป เซ็นทาราไลฟ์ บางกอก พระนคร กล่าวถึงการรีแบรนด์ในครั้งนี้ ว่า ทำให้ลูกค้ามองเห็นภาพเซ็นทาราได้มากขึ้น เพิ่มสีสันให้กับโรงแรมม ทั้งความเป็นกันเอง เพิ่มความเป็นไลฟ์สไตล์ โดยมีการบริการผ่านแอปพลิเคชั่นในมือถือ เมื่อลูกค้ามาถึงสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นของเซ็ทาราไลฟ์ได้เลย ซึ่งภายในแอปฯจะเป็นข้อมูลในส่วนของห้องพักและของคอมมูนิตี้ รวมถึงการใช้บริการต่างภายในโรงแรม
“ได้ทยอยปรับเปลี่ยนตามนโยบายเซ็นทารา ตั้ง แต่เรื่องอาหาร การใช้บริการต่างๆ ภายในโรงแรมที่สามารถจองล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชั่นโดยคะแนนจะเข้าไปสะสมในเดอะ วันการ์ด หรือแอปพลิเคชั่นของพันธมิตรที่ทางโรงแรมเข้าไปร่วมด้วย อีกส่วนหนึ่งนั้นจะมีการทำโปรโมชั่นกับร้านอาหารท้องถิ่น ทั้งร้านคาเฟ่ ร้านอาหารร่วมกัน รวมทั้งยังมีจำพวกมวยไทย สนามมวยราชดำเนินที่ให้ส่วนลดกับลูกค้า เพียงมีแอปฯของสนามมวยที่ลูกค้าสามารถกดเข้าไปก็สามารถซื้อ และใส่โค๊ดที่พักก็จะได้ส่วนลดทันที”
ใช้แอปฯบริการตอบโจทย์ลูกค้า
โดย นางสาวเมตตา กล่าวว่า เวลานี้มีลูกค้าสั่งผ่านแอปฯของ เซ็นทาราไลฟ์ อย่างเดียวประมาณ 40% มีทั้งใช้บริการสั่งของ ทั้งรับบริการทำความสะอาดในห้องพัก ซึ่งลูกค้าชาวยุโรปจะชอบการบริการในรูปแบบดังกล่าวผ่านแอปฯอย่างมาก ซึ่งการดำเนินงานทั้งหมดสามารถตอบโจทย์นโยบายของเครือได้เป็นอย่างดี ทั้งการประหยัดพลังงานในรูปแบบต่างๆ ลดสิ่งของที่สิ้นเปลืองน้อยลง
พร้อมกันนี้การเป็นเซ็นทาราไลฟ์ จะมุ่งเน้นการ ให้อิสระ และความเป็นตัวของตัวเองในส่วนของพนักงานมากขึ้นให้อิสระผ่านการแต่งกาย ไม่จำกัดรูปลักษณ์ภายนอก เน้นความยืดหยุ่นในการใช้บริการในโรงแรม ทั้งการทานอาหารเช้า ช่วงเวลาการเข้าพัก
ในส่วนของผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา มีแนวโน้มดีขึ้นซึ่งมาจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างาจะเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ คือ จากสิ่งที่ตั้งไว้ อย่างเช่น เดือนมิถุนายน เป็นเดือนที่เข้าช่วงโลว์ซีซั่นแต่สามารถทำได้มากกว่า ปี 2566 ประมาณ 10% โดยยอดรวมอัตราการเข้าพัก 6 เดือนโตกว่าในช่วงเดียวกัน 10%ทั้งที่ปีที่แล้วเป็นปีที่ดี ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมีเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น อย่าง มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลี และจีนที่มาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนพวกยุโรป อังกฤษจะมากันเป็นฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม นางสาวเมตตา กล่าวว่า ทางโรงแรมมีกรุ๊ปทัวร์ประมาณ 30% ที่เหลือจะเป็น FIT 70% เพราะว่า ลูกค้าจะจองผ่าน OTA ประมาณ 50-60% ขณะที่ผ่านทราเวลเอเยนต์ไม่เกิน 10% ส่วนที่เหลือจะเป็นคอร์เปอร์เรท จากลูกค้าที่เป็นราชการ หรือองค์กรใหญ่ๆ ในบริเวณใกล้เคียง มีกลุ่มราชการในต่างจังหวัดมาใช้บริการ ในส่วนของกลุ่มประชุมและสัมมนา โดยเป็นคนที่รู้จักกัน แล้วเคยมาใช้บริการ แล้วมีการบอกต่อ โดยตั้งเป้าปี 2567 น่าจะมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 80%