"โจรใต้" เหิมหนัก! แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหารนับ 10 คน บุกปล้น "ปืน-วิทยุ" ภายในป้อม "ชรบ." ที่ยะลา ได้ปืนไป 6 กระบอก หลบหนีลอยนวล จนท.ปิดกั้นเส้นทาง ยกระดับดูแลพื้นที่ให้มีความปลอดภัยสูงสุด ขณะที่สภาฯ มติเอกฉันท์ผ่านกฎหมายรื้อคำสั่งคสช.ฟื้นสภาที่ปรึกษาชายแดนใต้

    
เมื่อวันที่ 10 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายปล้นอาวุธปืนและวิทยุสื่อสารของเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านจำนวน 2 จุด ในอ.กรงปินัง และอ.ยะหา จ.ยะลา โดยจุดที่ 1 เมื่อเวลา 20.30 น. ของคืนวันที่ 9 ก.ค. คนร้าย 10-15 คน แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร ทำการปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธปืนสงครามทำการปล้นอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน บริเวณป้อมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน บ้านกรงปินัง หมู่ที่ 7 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา โดยคนร้ายได้อาวุธปืนลูกซอง (ของทางราชการ) จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนพก (ของส่วนตัวเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน) จำนวน 2 กระบอก หลบหนีไป
    
จุดที่ 2 เมื่อเวลา 21.30 น. ของคืนวันเดียวกัน คนร้าย 7-8 คน แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร ทำการปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธปืนสงครามทำการปล้นอาวุธปืนและวิทยุสื่อสารของเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน บริเวณป้อมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน บ้านกือเต หน้าโรงเรียนบ้านรัตนา หมู่ที่ 9 ต.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา โดยคนร้ายได้นำอาวุธปืนลูกซอง (ของทางราชการ ) จำนวน 2 กระบอก, อาวุธปืนพก ขนาด 9 มิลลิเมตร (ของส่วนตัวเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน) จำนวน 1 กระบอก และวิทยุสื่อสาร จำนวน 1 เครื่อง หลบหนีไป
    
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กำชับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ให้มีการบูรณาการกำลังทุกภาคส่วนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง รัดกุม รอบคอบ ยกระดับการดูแลพื้นที่ให้มีความปลอดภัยสูงสุด โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบวัตถุพยาน รวบรวมหลักฐานต่างๆ ในพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อตรวจหาความเชื่อมโยงของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด
    
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ และปิดกั้นเส้นทางเพื่อทำให้พื้นที่ปลอดภัย ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการเข้าตรวจสอบวัตถุพยานและรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อตรวจสอบหาความเชื่อมโยงของกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
    
อย่างไรก็ตาม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 06-1173-2999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 14/2559 เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ลงวันที่ 4 เม.ย. 2559 พ.ศ… ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาแล้วเสร็จ ทั้งนี้เพื่อเป็นการคืนคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กับกลไกการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกำหนดกระบววนการให้ประชาชนมีส่วนร่วมต่อการสร้างสันติภาพในพื้นที่
    
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเนื้อหาของร่างพ.ร.บ. ที่กมธ.เสนอมีการเพิ่มมาตราขึ้นใหม่คือกำหนดให้มีสมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ พ.ร.บ.ประกาศใช้ พร้อมกำหนดกระบวนการคัดเลือกให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้
    
หลังจากที่ที่ประชุมพิจารณาวาระสองแบบรายมาตรา ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วยกับการแก้ไขของกมธ.แล้วได้ลงมติเห็นชอบทั้งฉบับด้วยเสียงเอกฉันท์ 406 เสียง พร้อมกับเห็นด้วยกับข้อสังเกตของกมธ.ที่ระบุข้อเสนอแนะต่อกระบวนการคัดเลือกสภาที่ปรึกษาฯ ที่ต้องกำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าให้สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนร่วมกับระบบสรรหาแบบเดิม
    
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อจากนี้จะเป็นกระบวนการที่ส่งให้สว.ได้พิจารณารายละเอียดว่าจะเห็นด้วยกับสภาฯ หรือไม่