"ศาลรัฐธรรมนูญ" ต่อลมหายใจ”นายกฯ” อีกเฮือก นัดวินิจฉัยคดี 40 สว. ยื่นคำร้องถอดถอน”เศรษฐา" เป็น  24 ก.ค.นี้ อ้างรอคำชี้แจงเพิ่มเติม ด้าน "วัน"แสดงสปิริตประกาศลาออกจาก "กรรมการผู้ช่วยรมต."  เพื่อให้”อุ๊งอิ๊ง”สบายใจ หลังไปร่วมลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมฯ บ้าน"บิ๊กแจ๊ส" ส่วน”เฉลิม”เดือดแทนลูก ท้าเพื่อไทยขับพ้นพรรค ขณะที่ “กกต.ประกาศรับรอง 200 ส.ว. พ่วงบัญชีสำรอง 100 คน 

เมื่อวันที่ 10 ก.ค.67 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ออกเอกสารข่าวเผยแพร่การประชุม กรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา 40 คน ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ(5) หรือไม่ จากเหตุนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลได้มีคำสั่งให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลกำหนดยื่นต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา โดยการอภิปรายแล้วเห็นว่าเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาให้เรียกข้อมูลเพิ่มเติมและรอคำชี้แจงหรือพยานหลักฐานจากหน่วยงานหรือบุคคล ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเรียกไปก่อนหน้านี้ กำหนดนัดพิจารณาคดีต่อไปในวันพุธที่ 24 ก.ค. เวลา 09.30 น.

วันเดียวกัน  นายวัน อยู่บำรุง สมาชิกพรรคเพื่อไทย  โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เรียน "หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จากกรณีที่มีภาพของผมขณะไปร่วมติดตามผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ปทุมธานี ที่บ้านพักของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ปรากฎตามสื่อต่างๆ ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้ให้การสนับสนุน นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นคู่แข่งของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ นั้น

ผมขอเรียนชี้แจงว่าตลอดระยะเวลาที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี ผมในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย ผมทราบดีถึงมารยาททางการเมือง จึงไม่เคยไปร่วมรณรงค์หาเสียงให้กับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ แม้แต่วันเดียว เพราะผมไม่เคยคิดจะทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับพรรคเพื่อไทย และนับตั้งแต่วันแรกที่ผมสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ผมได้ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจทำงานให้กับพรรคอย่างสุดความสามารถ ผมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรคและทำหน้าที่สมาชิกพรรคที่ดีมาโดยตลอด
    
ผมขอเรียนย้ำว่า ผมและครอบครัวอยู่บำรุง มีความผูกพันกันอย่างแนบแน่นและยาวนานกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ทั้งสองครอบครัวเปรียบเหมือนญาติเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน มีความรักและความจริงใจให้กันมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นยามทุกข์หรือยามสุข ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ตกระกำลำบากหรือช่วงที่กลับมามีอำนาจ ครอบครัวอยู่บำรุงและ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็ให้ความรักและความเอื้อเฟื้อต่อกันมาตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม ซึ่งเป็นไปตามจารีตประเพณีที่ดีของสังคมไทยที่คนไทยทุกคนพึงกระทำ


การที่ผมเดินทางไปที่บ้านพักพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ในวันดังกล่าว ก็เป็นเพียงการไปร่วมให้กำลังใจในฐานะคนที่มีความรักและความผูกพันธ์กันมาอย่างยาวนานเท่านั้น และที่สำคัญการเดินทางไปหลังจากมีการปิดหีบเลือกตั้งแล้วของผม ก็ไม่ได้มีส่วนทำให้ผลของคะแนนมีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ดังนั้นผมจึงขอยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวของผมไม่ได้เป็นการกระทำที่เป็นการแสดงออกถึงการต่อต้านหรือเป็นปฏิปักษ์กับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด โดยเป็นเพียงการแสดงน้ำใจตามมารยาทที่ดีที่สังคมไทยพึงมีต่อกัน ซึ่งผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนที่มีสำนึกความเป็นไทยเข้าใจตรงนี้ดี และสามารถแยกแยะได้ระหว่างเรื่องการเมืองกับความผูกพันฉันท์มิตรที่ดีต่อกัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผมได้รับการประสานจากเลขาธิการพรรค เพื่อให้เข้าพบหัวหน้าพรรค และทันทีที่ผมได้รับทราบถึงความไม่สบายใจของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต่อกรณีที่มีภาพของผมในวันดังกล่าวไปปรากฏตามสื่อต่างๆ ดังนั้นเพื่อสร้างความสบายใจให้กับหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคทุกท่าน ผมจึงขอแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว ด้วยการลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยจะยื่นหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการ ต่อท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุขในลำดับต่อไป"
    
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 2 กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม พร้อมผู้สมัคร สว.จากกลุ่มอื่น ๆ ประมาณ 7 คน รวมตัวกันมาเรียกร้องให้ กกต. ยังไม่รับรอง สว.ชุดใหม่ พร้อมให้เปิดหีบลงคะแนนเลือก สว. เพื่อพิสูจน์การลงคะแนนเลือก สว.ระดับเประเทศเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นไปตามโพย สะท้อนถึงการฮั้ว การจัดตั้ง สว. เป็นการเลือกที่ไม่สุจริต เที่ยงธรรม
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เนื่องจากตนเป็นตำรวจ จึงใช้เวลาการสืบสวนสอบสวน จากโพยที่ได้มาจากที่มีคนทำตกไว้ในห้องน้ำเมืองทองธานี ซึ่งเป็นสถานที่เลือก สว. ระดับประเทศเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้เมื่อนำโพยดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับมีการลงคะแนนให้กลุ่มมายเลขเดิมๆ ตรงกัน ทำให้ผู้ได้รับการเลือกได้คะแนนโดดขึ้นไปสูงกว่าคนอื่นๆ มีเพียงกลุ่ม 14 เท่านั้น ที่ผลไม่ได้ออกมาตามโพย ก็ไม่รู้ว่ามีการหักดีลอะไรกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากผลที่ออกมานั้น เห็นว่ามี สว.ที่ได้รับเลือก 119 คน ที่มาตามโพย เรื่องนี้ตนจึงขอให้ทางกกต.อย่าเพิ่งประกาศรับรองผล แต่ให้เปิดหีบเลือกสว.แล้วนำออกมาเทียบกับโพยนี้เลย จะเห็นว่า มีการจัดตั้ง

“ผมไปเจอโพยนี้ในห้องน้ำ มีคนขยำทิ้งไว้ในห้องน้ำ ผมเลยเอาไปให้คุณแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. ตอนประมาณตีห้า แต่ท่านบอกให้ผมไปทำเรื่องร้องเรียนเอาไว้ ผมก็ไปไม่เป็นเลย พอดีหลังจากเจ้าหน้าที่คืนโทรศัพท์มือถือมาให้ผมเลยถ่ายรูปมา แล้วสืบสวนสอบสวน เพราะทุกอาชญากรรมจะทิ้งร่องรอยไว้เสมอ อยู่ที่ว่า มือถึงหรือไม่ และจะทำหรือไม่” พล.ต.ท.คำรบ กล่าว

ด้าน นายจิรัฏฐ์ แจ่มสว่าง ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 3 การศึกษา กล่าวว่า เรื่องการฮั้ว การจัดตั้งจะเกิดขึ้นไม่ได้หากทำตาม พ.ร.ป.เลือก สว. แต่การเลือก สว.รอบนี้เป็นทฤษฎีสมคบคิด ถ้าปล่อยให้การเลือก สว.ครั้งนี้ เป็นไปตามโพย จะเป็นทฤษฎีสมคบคิดอย่างเป็นระบบ บังคับให้ทุกคนอยู่ภายใต้กติกาที่กรรมการออกมาแล้วให้ทุกคนเล่นมี 2 ข้อ 1. การจัดตั้ง ซึ่งใน 20 กลุ่มต้องใช้คนจำนวนมาก และเพื่อให้ได้คุณสมบัติตรงตามกลุ่มอาชีพได้ ก็จะมาสู่การบล็อกโหวต 2. การทำให้คนสมัครผิดกลุ่มไม่มีความผิด สามารถยืนยันได้จากสิ่งที่อยู่ในหีบบัตรเลือก สว. ว่ามีการบล็อกโหวต มีการเลือกเป็นแพคเกจจริง ทำให้การเลือกครั้งนี้ไม่เป็นความลับ ผิดตามกฎหมาย

นายจิรัฏฐ์ กล่าวอีกว่า มีตัวละครเกี่ยวข้อง คือ 1.ผู้สมัครทั้งหมด ที่ถูกจัดเป็นเซต และมีคุณสมบัติที่ไม่ตรงกลุ่ม 2.กรรมการซึ่งเป็นผู้กำหนดกติกามาตั้งต้น ที่ระบุว่า การฮั้ว การบล็อกกันไม่ผิด 3. ตัวร้าย คือกลุ่มบุคคลที่ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นกลุ่มการเมืองหรือไม่ แต่เป็นกลุ่มบุคคลที่ไปจัดตั้ง ทำให้ได้คะแนนสูงถึง 70-80 คะแนน

"เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก เพราะรอบสุดท้ายคนโหวตมีแค่ 160 คน แต่มีคนได้คะแนนสูงสุดถึง 79 คะแนน คิดเป็น 50% ของคะแนนทั้งหมด ดังนั้นกลุ่มที่ 3 จึงเป็นกลุ่มอิทธิพล และกกต.ระบุเองว่าคนเหล่านั้น มีอิทธิพล มีเงิน เมื่อรู้ขนาดนี้ก็ควรหาให้เจอ" นายจิรัฏฐ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้มีการประชุม กกต.เพื่อพิจารณารับรองผลการเลือก สว.ชุดใหม่ โดยเป็นการประชุมต่อเนื่องกันตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันนี้

มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง นัดประชุมเพื่อพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. ทั้งนี้หลังพิจารณาถกลับตั้งแต่เช้าเวลา 09.00 น. และประชุมเสร็จสิ้นเวลา 14.30 น. กกต.ได้มีมติรับรองผลการเลือกสว. 200 คน และบัญชีสำรองอีก 100 คน แล้ว โดยสำนักประชาสัมพันธ์ กกต.แจ้งว่า เวลา 16.00 น. นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. จะแถลงรายละเอียดทั้งหมด ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง