ที่ ต.บ้านเกาะ อ.เมืองสมุทรสาคร ดร.อภิสิทธิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคกลาง พร้อมคณะนาย ถนัดกิจ เตชานุกูลชัย บริษัท แปรงไทยฯจก. และนางสาวปรางค์ทิพย์ พรหมมาลัย ผจก.สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้ออกร่วมตรวจเยี่ยมเพื่อสำรวจปัญหาของสถานศึกษาฯ 2 โรงเรียน ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วนใช้งบเพื่อการปรับปรุงและพัฒนา 2 แห่ง คือ โรงเรียนวัดศิริมงคล และ รร.วัดบางขุด อ.เมืองฯ เพื่อเก็บข้อมูลนำไปพิจารณาคัดเลือกในโครงการส่งเสริมและพัฒนาการสำหรับสถานศึกษา โดยมีว่าที่ ร้อยเอก วีรธนา นรากรณ์ รอง ผอ. สพป.สมุทรสาคร และนางสาวณัฐณิชา และร้อยลา จนท.นักวิเคราะห์นโยบายและแผนฯ มาร่วมชี้แจงข้อเท็จจริงของสภาพปัญหาของสองโรงเรียนดังกล่าว
สำหรับแห่งที่ 1 รร.วัดศิริมงคล ต.บ้านเกาะ ปรากฏว่า ปัญหาที่ขอรับการพิจารณา คือ สืบเนื่องด้วยอาคารเรียน (แบบ ป.1 ก) ที่ได้ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2502 มาใช้ทำงานการเรียนการสอนยาวยมาถึง 65 ปี โดยขณะนี้ตัวอาคารเรียนได้เกิดการชำรุดพุพังทั้งหลังแล้ว ทำให้ไม่ปลอดภัยและไม่สามารถใช้อาคารเรียนเพื่อจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ
ด้วยเหตุปัญหานี้ทาง รร.จึงได้เล็งเห็นสมควรหวังร่วมโครงการฯเพื่อขอรับงบประมาณเพื่อในก่อสร้างทำอาคารหลังใหม่ เพื่อเพียงพอต่อจำนวนนักเรียนของโรงเรียนวัดศิริมงคลในปัจจุบัน เพราะมีเด็กเพิ่มจำนวนมากขึ้นมาตามลำดับ
ทั้งนี้ โดยในปีการศึกษา 2567 มีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 727 คน แบ่งเป็น เด็กนักเรียนสัญชาติไทยประมาณ 27 คน และเด็กนักเรียนลูกหลานแรงงานข้ามชาติอีก 700 คน มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งหมด 25 ห้องเรียนจัดการเรียนการสอนระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แต่ในปัจจุบันมีห้องเรียนที่ไม่เพียงพอ เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนนักเรียน จึงมีความจำเป็นจะต้องก่อสร้างอาคารเรียน เพื่อให้มีจำนวนห้องเรียนที่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียน และมีห้องเรียนที่สามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากรายงานระบุด้วยว่า สำหรับ รร.วัดบางขุด หรืออุ่นพิทยาคาร ต.บ้านบ่อ อ.เมืองฯ ปัจจุบันมีเด็กรักเรียนประมาณ 130 คน จำแนกเป็นเด็กคนชาวไทย 120 คน และเด็กที่เป็นทายาทลูกหลานแรงงานข้ามชาติ ประมาณ 10 คน เป็นต้น ทั้งนี้เนื่องด้วยสภาพปัญหาที่มีอยู่จึงจำเป็นต้องขอรับการพิจารณางบช่วยเหลือ โดยล่าสุดนี้ในโรงเรียนนั้นมีอาคารเรียนอยู่ 3 หลัง, เป็นอาคารปูน 1 หลัง และไม้ 2 หลัง แต่ทั้งนี้ส่วนอาคารเรือนไม้ จำนวน 2 หลังนั้น เคยเป็นอาคารที่ได้ก่อสร้างขึ้นแต่ก็ใช้งานมาอย่างยาวนาน แต่ขณะนี้ตัวอาคารอยู่ในสภาพเก่าไม่มีค่อยปลอดภัย เพราะมีเกิดการทรุดตัวลงด้วย ทำให้ต้องหาวิธีใช้หนุนดันพื้นตัวอาคารไว้ชั่วคราว กระทั่งมีเสาและผนังอาคารชำรุดและแตกร้าวหลายจุด ทำให้ไม่สามารถเป็นอาคารสำหรับใช้เรียนได้ในที่สุด ขณะที่ตัวอาคารปูนหลังใหม่นั้นมีห้องสำหรับจัดการเรียนการสอนเพียง 5 ห้อง ซึ่งด้วยเหตุห้องไม่พอต่อจำนวนชั้นเรียนนี้ ทาง รร.จึงเล็งเห็นต้องมีการปรับปรุงเพิ่มและต่อเติมอาคารอเนกประสงค์ /ห้องเรียน /ห้องประชุมที่ใต้อาคารเรียนใหม่อย่างเร่งด่วน เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด พร้อมกันนี้ที่สำคัญจะช่วยป้องกันเหตุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่คาดฟัน ที่มีทั้งครูและนักเรียนอยู่ใช้อาคารสภาพชำรุดในการจัดการเรียนการสอนอยู่”
ด้าน ดร.อภิสิทธิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์ ปธ.สภาอุตสาหกรรมภาคกลาง (อดีต ปธ.สภาอุตสาหกรรมฯสมุทรสาคร) ระบุว่า เหตุที่แวะมาชมสภาพ รร.ดังกล่าวครั้งนี้ก็เพื่อมาสำรวจตรวจสอบความจำเป็นและองค์ประกอบฯ ตามนโยบายการสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาสถานศึกษาทั้ง 2 แห่งก่อน จะเร่งดำเนินการพิจารณาต่อไป พร้อมนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมในบางส่วนต่อทางกลุ่มพันธมิตรให้ได้รับทราบ ก่อนที่จะตัดสินว่า จะอุดหนุนหรือสนับสนุนวงเงินประมาณ 500,000 บาท ให้แก่สถานศึกษาแห่งใด
“ส่วนอีกหนึ่งแห่งโรงเรียนที่เหลือนั้น ว่า จะเร่งหาแนวทางให้ความช่วยเหลือต่อไป ซึ่งในการนี้ก็นับเป็นกิจกรรมหลักหนึ่งด้วย ที่บริษัท แปรงไทยแห่งแรก จำกัด ได้ร่วมกับ พันธมิตร ร่วมดำเนินโครงการฯ ลุกษณะเช่นนี้มาอย่างต่อเนื่องทุกปีให้กับสถานศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศไทย อาทิเช่น ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการพัฒนาโรงเรียน ซึ่งผู้ดำเนินโครงการฯ หวังมุ่งเน้นในเรื่องของการก่อสร้างอาคาร หรือพัฒนาปรับปรุงห้องเรียนให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น อันจะนำไปสู่การยกระดับของมาตรการช่วยส่งเสริมคุณภาพทางการศึกษาให้แก่นักเรียนได้มากยิ่งขึ้นต่อไป”