วันที่ 10 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณีมีประชาชน นักท่องเที่ยว รวมถึง ตัวแทนผู้นำชุมชน ท้องถิ่น ในพื้นที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ออกมาเรียกร้องให้แขวงทางหลวง นครพนม รวมถึงกระทรวงคมนาคม แก้ปัญหาการจราจร เกี่ยวกับจุดยูเทิร์นกลับรถไกล บริเวณถนน เส้นทางหมายเลข 212 ระหว่าง อ.ธาตุพนม กับ จ.มุกดาหาร มีปัญหาชุมชนในพื้นที่บ้านโปร่ง ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม ต้องยูเทิร์นไกลกว่า 5 กิโลเมตร หลังจากมีการพัฒนา ขยายถนน 4 เลน สร้างความเดือดร้อน การสัญจรไปมา นอกจากนี้ยังมีปัญหา ถนนทางหลวง หมายเลข 223 ระหว่าง บ้านต้อง ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม มุ่งหน้าไป อ.นาแก จ.นครพนม ยังเหลือระยะทางอีกประมาณ 20 กิโลเมตร ที่ยังไม่ได้การพัฒนาเป็นถนน 4 เลน เชื่อมไป ยัง จ.สกลนคร ทำให้เป็นถนนคอขวด เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เนื่องจากมีการจราจรคับคั่ง เนื่องจากเชื่อมกับ อ.ธาตุพนม อำเภอท่องเที่ยว สำคัญ และเชื่อมไปยัง จ.นครพนม และ จ.มุกดาหาร โดยมีการพัฒนาแล้วบางส่วนระหว่าง อ.นาแก เชื่อมไป ยัง จ.สกลนคร แต่ยังมีอีกระยะที่มีปัญหา จนได้ชื่อว่า เส้นทางเสี่ยง โดยทาง ประชาชน ในพื้นที่ ได้เสนอให้กระทรวงคมนาคม และแขวงทางหลวง นครพนม เร่งพัฒนาปรับปรุง เป็นถนน 4 เลน มานานหลายปี ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ล่าสุด นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม สส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายพัลลภ จันทร์งามปภากูล ผู้อำนายการสำนักงานทางหลวงที่ 3 นายศิริวัฒน์ โอฆะพนม นายปัญญา พึ่งประจวบ รองผู้อำนวยการแขวงทางหลวงนครพนม นายกเบียร์ อนุชิต หงษาดี นายก อบต.โพนนสวรรค์ แกนนำครอบครัวเพื่อไทย นายสรรชัย ธ.น.ตื้อ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลธาตุพนม นายขจรศักดิ์ นิตชิน รอง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลธาตุพนม ตลอดจนผู้บริหารท้องถิ่น แกนนำชาวบ้านในพื้นที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบติดตามความก้าวหน้า การพัฒนาแก้ปัญหาการจราจร รวมถึงเปิดใช้งานจุดยูเทิร์น บริเวณทางหลวง หมายเลข 212 พื้นที่ บ้านโปร่ง ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม หลังมีการจัดสรรงบประมาณ เข้าไปแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน พร้อมกำชับให้ปฏิบัติตามกฎจราจรเข้มงวด
ทั้งนี้ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า สำหรับปัญหาจุดยูเทิร์นกลับรถไกล หลังมีการก่อสร้างพัฒนาขยายถนน 4 เลน ยอมรับว่าได้รับร้องเรียนเข้ามาหลายพื้นที่ ทั่วประเทศ รวมถึง จ.นครพนม โดยได้มอบหมายให้แขวงทางหลวง ทุกจังหวัดตรวจสอบ พิจารณา ความเหมาะสมแก้ไขจัดสรรงบประมาณ ดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ให้กับประชาชน ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคม เข้าใจปัญหาการจราจรของชาวบ้าน ในพื้นที่ อยากฝากทำความเข้าใจว่า การออกแบบ จะต้องเป็นไปตามหลักวิศวกร และเน้นความปลอดภัย เป็นหลัก จึงอาจมีผลกระทบตามมา แต่จะได้มีการตรวจสอบแก้ไขภายหลัง จะต้องเป็นจุดที่ไม่เสี่ยงอันตราย สามารถเปิดยูเทิร์นได้ เพราะต้องเน้นความปลอดภัยมากกว่า ความสะดวก สำคัญที่สุดคนใช้รถใช้ถนน จะต้องปฏิบัติตามกฎจราจร ต้องไม่ประมาท ส่วนจุดไหนที่อันตราย ยืนยันไม่สามารถเปิดยูเทิร์นได้แน่นอน
นางมนพร กล่าวว่า สำหรับเส้นทางหลักสำคัญอีกสาย คือ ทางหลวง หมายเลข 223 ระหว่าง บ้านต้อง ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม มุ่งหน้าไป อ.นาแก จ.นครพนม ยังเหลือระยะทางอีกประมาณ 20 กิโลเมตร ที่ยังไม่ได้การพัฒนาเป็นถนน 4 เลน เชื่อมไป ยัง จ.สกลนคร ทำให้เป็นถนนคอขวด เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง คาดว่าจะสามารถดำเนินการในปี 2568 กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ทั้งการสำรวจออกแบบ และพิจารณาความเหมาะสม บรรจุในแผนดำเนินการ เรียบร้อย จะต้องได้รับพัฒนาจากถนนสาย เสี่ยง เป็นถนนสายบุญแน่นอน เนื่องจากเป็นเส้นทางเชื่อมกับ จ.สกลนคร จ.นครพนม และ จ.มุกดาหาร และเชื่อมกับ อ.ธาตุพนม ที่ตั้งองค์พระธาตุพนม ที่มีประชาชน นักท่องเที่ยว เดินทางท่องเที่ยว ทำบุญตลอดปี จะต้องได้รับความสะดวกปลอดภัย ในการเดินทาง ยืนยัน กระทรวงคมนาคม จะเร่งดำเนินการเส้นทางหลักที่มีปัญหาการจะราจร ให้พื้นที่จังหงวัดสำคัญ ให้ได้รับการพัฒนาแก้ไข ทั้งหมด