วันที่ 10 ก.ค.67 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช)  เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของนายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ  กรณีเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567   โดยนายสิทธิโชติ และนางพิสมัย อินทรวิเศษ คู่สมรส  แจ้งมีทรัพย์สินและหนี้สินรวม 51,527,993 บาท   แบ่งเป็นทรัพย์สินของนายสิทธิโชติ  21,110,701 บาท   ได้แก่เงินฝาก 7 บัญชี   830,862 บาท   เงินลงทุน 119,248 บาทที่ดิน  2 แปลงในเขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ รวม 9,396,000 บาท   โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านพักจำนวน 2 หลังย่านบึงกุ่ม กรุงเทพฯ  มูลค่า 5 ล้านบาท   ยานพาหนะ รถยนต์ BMWรุ่น 520D M Sport  มูลค่า 3 ล้านบาท   สิทธิและสัมปทานเป็นประกันชีวิต 2,184,590 บาท ทรัพย์สินอื่น 580,000 บาท   และมีหนี้สินรวม 3,979,743 บาท  

โดยเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 264 บาท   หนี้เงินกู้ธนาคาร 2 แห่ง ช่วงปี 48 – 51 รวม 3 สัญญา  วงเงิน 12,894,000 บาท  แต่ปัจจุบันเหลือยอดหนี้คงเหลือ 2,447,923 บาท   หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โดยทำกับบริษัทบีเอ็มดับเบิลยูลิสซิ่ง (ประเทศไทย)จำกัด ในปี 65   จำนวนเงินกู้ตามสัญญา 2,371,440 บาท   ปัจจุบันมียอดหนี้คงเหลือ  1,531,555 บาท

ส่วนนางพิสมัย   มีทรัพย์สินรวม 30,417,292 บาท    แบ่งเป็นเงินฝาก  6 บัญชี   รวม 2,739,952 บาท   ที่ดิน 9 แปลง ใน   อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา   และ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี   ที่ได้มาจากการซื้อและรับมรดก  รวม 25,242,340 บาท   และทรัพย์สินอื่น 2,435,000 บาท

ทั้งนี้ทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจของทั้งคู่   ประกอบไปด้วยนาฬิกาข้อมือ Rolex 1 เรือนมูลค่า 3 แสนบาท   สร้อยคอทองคำ  3 เส้น  น้ำหนักรวม 8 บาท   พร้อมพระเลี่ยมทองรวม 7 องค์ มูลค่ารวม 280,000 บาท  เข็มขัดทองคำหนัก 25 บาท 1 เส้น   มูลค่า 875,000 บาท สร้อยคอทองคำสุโขทัยหนัก 3 บาท 3 เส้น  มูลค่า 315,000 บาท   สร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท 2 เส้นมูลค่า 700,000 บาท   จี้อุบะทองคำ  หนัก 3 บาท 2 อัน   มูลค่า 210,000 บาท   จี้ทองคำรูป  ร.5 หนัก 1 บาท 1 อันมูลค่า 35,000 บาท   สร้อยข้อมือเพชร 1 เส้น  มูลค่า 100,000 บาท แหวนเพชร 1 วง  มูลค่า 100,000 บาท   ตุ้มหูเพชร 1 คู่ มูลค่า 80,000 บาท   จี้เพชรรูป  ร.9  จำนวน 1 อันมูลค่า 20,000 บาท

สำหรับนายสิทธิโชติ   ก่อนเข้ารับตำแหน่ง  กกต. ดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาในปี 2561   อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาในปี 2563 และปี 2564   ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา  ก่อนที่ปี 66 จะเป็นประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา และรับตำแหน่งกกต. ในปี  2567