วันที่ 9 ก.ค.67 เวลา 14.00 น. ที่ สน.มักกะสัน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พานางสาวคิว อายุ 25 ปี ผู้เสียหาย มาติดตามความคืบหน้าทางคดีที่สน.มักกะสัน หลังถูกแฟนหนุ่มไฮโซ ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
นางสาวคิวเล่าให้ฟังว่า ตนคบหากับนายชีพ อายุ 26 ปี มาได้ประมาณ 1 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 ปี ตนถูกอดีตแฟนทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด ทั้งจิกหัว ตบหน้า ต่อยตี ซึ่งตนเคยพาอดีตแฟนไปรักษาแล้ว แพทย์ก็ระบุความเห็นว่าเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง และทุกครั้งที่อดีตแฟนทำร้ายร่างกายก็มักจะอ้างว่า ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่พอได้สติก็จะมากราบเท้าขอโทษพยายามง้อที่จะขอคืนดี ซึ่งนางสาวคิวก็ใจอ่อนที่จะให้อภัยมาทุกครั้ง โดยอดีตแฟนอ้างว่าตนไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว และเมื่อตอนเด็กก็เห็นว่าพ่อแม่ของตนใช้ความรุนแรงมาโดยตลอด ทำให้ตนคิดว่าการลงมือทำร้ายร่างกายคือวิธีการแก้ปัญหา
ซึ่งที่ผ่านมานางสาวคิว พยายามอดทนมาตลอดระยะเวลา 1 ปี โดยทุกครั้งที่ถูกทำร้ายร่างกาย ก็จะมีรอยฟกช้ำจนทำให้ใครหลายคนมาสอบถามเธอว่าไปโดนอะไรมา ซึ่งเธอก็ได้แต่อ้างไปว่าสะดุดล้มหรือประสบอุบัติเหตุเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมามองว่าอดีตแฟนของตนเป็นคนไม่ดี
กระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนทนพฤติกรรมความรุนแรงไม่ไหว จึงเลือกที่จะขอยุติความสัมพันธ์ ทำให้นายชีพรู้สึกโมโหจึงลงมือทำร้ายร่างกายตนอย่างหนัก ทั้งตบหน้า บีบคอ เตะ ต่อย จนทำให้แขนซ้ายโดนหัก อีกทั้งยังขว้างปากรรไกรมาหาตน เคราะห์ดีที่ไม่โดน
หลังเกิดเรื่องตนได้แจ้งให้ครอบครัวฝ่ายชายทราบ แต่ครอบครัวฝ่ายชาย ก็บอกว่าเป็นเรื่องปกติที่จะกระทบกระทั่งกัน พร้อมกับครูว่าถ้าหากผู้เสียหายไปแจ้งความ ก็จะใช้เส้นสายแจ้งความกลับเช่นเดียวกัน ทำให้ตนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม จะมาร้องขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เปิดเผยว่า จากการพูดคุยในเบื้องต้นจากผู้เสียหาย ก็รู้สึกเห็นใจทั้งสองฝ่าย เพราะทราบมาว่าทางฝ่ายชายเองเห็นพฤติกรรมความรุนแรงในครอบครัวมาโดยตลอดตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งที่ผู้ชายทำนั้นไม่ถูกต้อง และด้วยความที่ครอบครัวฝ่ายชายเป็นไฮโซและอ้างว่ารู้จักกับคนใหญ่คนโตจึงทำให้ผู้เสียหายกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำให้ตนต้องเข้ามาช่วยเหลือในเคสนี้ เพราะตนมองว่าทุกคนควรอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
โดยในเวลาไล่เลี่ยกัน นายชีพและพ่อ ได้เดินทางมาขอเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหาย ทางพ่อของนายชีพ ยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอโทษนางสาวคิว ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลยินดีช่วยเหลือทั้งหมด อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าเลี้ยงลูกมาอย่างดี และรับรู้ว่าลูกเป็นคนอย่างไร ”ขอโทษ จากใจจริง“
ขณะที่นายชีพ กล่าวสั้นๆว่า "ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับเสียใจทําไปด้วยอารมณ์พร้อมยอมรับผิดทุกอย่าง และยืนยันว่าหลังจากนี้จะต่างคนต่างอยู่"