หนุ่มไรเดอร์ถูกตำรวจซ้อมก่อนค้นตัวไม่พบสิ่งผิดกฎหมายจึงเข้าแจ้งความแต่ตัวเองกลับถูกดำเนินคดี

วันที่ 9 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ศูนย์ประสานงานเพจสายไหมต้องรอด สายสายไหม 38  ทางนายสุเมธ  อายุ 29 ปี อาชีพไรเดอร์ เข้าร้องทุกข์กับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกตำรวจสายตรวจขับรถไล่ เพราะไม่สวมหมวกกันน็อกแต่กลับถูกซ้อมก่อนค้นตัว ค้นรถ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฏหาย จึงเข้าแจ้งความแต่ตัวเองกลับถูกดำเนินคดี

นายสุเมธ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 8 ก.ค.67 ขณะที่ตนกำลังวิ่งงานไรเดอร์อยู่ที่บริเวณ ถ.ฉลองกรุง ตนได้ทำโทรศัพท์ร่วงหล่นจึงได้วนรถไปเก็บ แต่ก็พบเข้ากับตำรวจของสน.ฉลองกรุง  2 นาย ได้ขับรถเข้ามาประชิดพร้อมพูดจาให้ตนจอดรถ แต่ตนได้วกรถกลับแล้วขับหนี เพราะตนไม่ได้ใส่หมวกกันน็อกและไม่ได้พกใบขับขี่เพราะตนลืมไว้ที่บ้าน จึงกลัวจะเสียค่าปรับ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนพึ่งโดนปรับในเรื่องนี้ แต่ทางด้านตำรวจทั้ง 2 นายก็ได้ขี่รถตามพร้อมถือกระบองไล่ตีตน กระทั่งตนขี่หลบหนีไปจนถึง ซ.พรทิพย์ ถ.คลองหลวงแพ่ง จนรถล้ม ก่อนที่จะเข้าทำร้ายด้วยการเตะหน้า และเหยียบหน้า เมื่อทำร้ายเสร็จจึงใส่กุญแจมือตน แต่ตนไม่ยอมเพราะไม่รู้ว่าถูกจับเพราะอะไร พอค้นรถค้นตัวกลับไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงปล่อยให้ตนกลับไป 

นายสุเมธ กล่าวอีกว่า ตนรู้สึกว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่สน.จรเข้น้อย เพราะโดนทำร้ายในพื้นที่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของสน.จรเข้น้อย ได้ประสานงานกับทางตำรวจทั้ง 2 นายดังกล่าวให้เข้ามาเจรจา เมื่อเข้ามาเจรจาทางตำรวจ 2 นายนั้นกลับแจ้งกับตนว่า “ถ้าน้องแจ้งความพี่ พี่ก็จะแจ้งความน้องด้วย” ก่อนพาตนไปดำเนินคดีต่อที่สน.ฉลองกรุงในข้อหา ขับรถหวาดเสียว ไม่สวมหมวกกันน็อกและไม่มีใบขับขี่ โดนปรับไป 1,200 บาท 

นายสุเมธ กล่าวอีกว่า แต่ในส่วนคดีที่ตนเเจ้งความกับทางสน.จรเข้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.จรเข้น้อย ทำเพียงแค่รับบันทึกเรื่องไว้ และเอกสารบันทึกการแจ้งความก็ไม่ได้ให้ตนมา ให้ตนเซ็นเอกสารเสร็จและให้ตนกลับบ้านเลย ไม่มีการดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 2 นายที่ทำร้ายตน และไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ทั้งนี้ตนยืนยันว่า ตนไม่ได้เถียงหรือด่าอะไรกับทางตำรวจทั้ง 2 นาย ที่ผ่านมาตนขับไรเดอร์มาเกือบ 2 ปี ก็สวมใส่หมวกตลอด มีเพียงครั้งนี้ตนลืมไว้ที่บ้านเท่านั้น ในวันนี้ที่ตนมาร้องทุกข์เพราะตนต้องการค่าเยียวยารักษาพยาบาล และค่าซ่อมรถ นอกจากนี้ยังมีโทรศัพท์มือถือที่พังเพราะเหตุการณ์ดังกล่าว ตนอยากได้รับความเป็นธรรม แม้เป็นเพียงประชาชนคนธรรมดา

ขณะที่ นายเอกภพ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ต้องแยกเป็นสองส่วน ในส่วนที่ผู้ร้องทุกข์ขับรถหนี ก็ได้ถูกดำเนินคดีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถูกปรับไปแล้ว แต่ในส่วนที่ทำตำรวจทั้ง 2 นาย ทำร้ายร่างกายของผู้ร้องทุกข์นั้นก็ต้องดำเนินคดีและว่ากันไปตามกฎหมาย จากนี้ตนจะประสานไปที่สน.จรเข้น้อย เพื่อดำเนินคดีกับทางตำรวจทั้ง 2 นาย และดูว่าจะมีการเยียวยาอะไรได้บ้าง