"เศรษฐา" ยันไม่เคยคุย "ทักษิณ - ยิ่งลักษณ์" ให้ "เสรีพิศุทธ์" ถอนฟ้องปมแต่งตั้ง ผบ.ตร. ระบุเข้าใจข้อกังวลแหล่งที่มาของเงิน "ดิจิทัลวอลเล็ด" ลั่นทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย ขณะที่ "เผ่าภูมิ" แจงไทม์ไลน์ "ดิจิทัลวอลเล็ต" เตรียมชงเข้า "ครม." 30 ก.ค.นี้ ยันจ่ายเงินแน่นอนไตรมาศ 4 หลังระบบลงทะเบียบเสร็จแล้ว รอให้ "นายกฯ" แจ้งวันลงทะเบียนต่อไป ย้ำใช้วงเงินในโครงการ 5 แสนล้านบาทเหมือนเดิม เผยขอความคิดเห็นจากกฤษฎีกา เมื่อโครงการเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.แล้ว
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 ก.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่าได้พูดคุยกับอดีตสองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ถอนฟ้องนายกรัฐมนตรี ตามความผิด ม.157 ปมเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร. ว่า ตนเองไม่ถามเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับตนเอง และยืนยันว่าตนเองไม่เคยปรึกษากับอดีตสองนายกรัฐมนตรี ไม่เคยพูดคุยกัน
นายเศรษฐา ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านมีความกังวลที่รัฐบาลจะนำงบของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ด Digital Wallet ซึ่งงบของ ธ.ก.ส. อาจไม่เพียงพอ ได้มีการพูดคุยกันหรือไม่ ว่า มีการพูดคุยตลอดเวลาในเรื่องนี้ ก็เข้าใจในความกังวล เดี๋ยวจะมีการชี้แจงแถลงให้ทราบ ผู้สื่อข่าวถามว่าการใช้งบของ ธ.ก.ส. ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันใช่หรือไม่ และเห็นว่ายังไม่ได้มีการส่งเรื่องให้กฤษฎีกา นายกฯ กล่าวว่า มีการพูดคุยกันตลอด หากเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ทราบ
เมื่อถามย้ำว่า ยังไม่มีการสอบถามเรื่องนี้กับกฤษฎีกาใช่หรือไม่ ในการใช้งบ ธ.ก.ส. นายกฯ กล่าวปฏิเสธว่า เรื่องนี้ต้องถาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง อีกที แต่ถ้าเกิดพร้อมแล้วก็จะมีการส่งสอบถามทุกเรื่อง เมื่อถามว่า นายกฯยังยืนยันแหล่งที่มาของเงินจาก 3 แหล่งใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างจะต้องถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า มองกันว่านายกฯทำงานหนักแต่เริ่มถูกคดีตามมาเป็นหางว่าว ตรงนี้ทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ก็ตื่นเช้าไปทำงานเหมือนเดิมทุกวัน ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย หากมีความข้องใจหรือไม่สบายใจเรามีองค์กรอิสระที่ต้องมาตรวจสอบการทำงานของนักการเมือง ตนก็ต้องยอมรับในกระบวนการที่เราก้าวเข้ามาเป็นนักการเมือง ก็ไม่ได้เสียกำลังใจอะไร ก็ทำงานต่อไป
ด้าน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง แถลงความคืบหน้าโครงการเติมเงินดิจิตัลวอลเล็ต 10,000 บาทในกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ขณะนี้ได้ไทม์ไลน์โครงการที่มีความชัดเจนในเดือน ก.ค.แล้ว โดยในวันที่ 24 ก.ค.นี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะแถลงรายละเอียดทั้งหมดของโครงการ ซึ่งรวมทั้งสินค้าที่ประชาชนจะใช้ซื้อ โดยในการแถลงข่าวของนายกฯ จะมีการแจ้งวันลงทะเบียนให้ประชาชนและร้านค้าทราบ ซึ่งขณะนี้ระบบลงทะเบียนนั้นดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
โดยไทม์ไลน์ของการทำงานโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในวันที่ 10 ก.ค. จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการ เพื่อสรุปรายละเอียดในโครงการนี้ จากนั้นในวันที่ 15 ก.ค.จะนำรายละเอียดโครงการเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ที่มีนายกฯ เป็นประธาน และในวันที่ 30 ก.ค.คณะกรรมการฯจะนำเสนอโครงการให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายละเอียดโครงการ โดยในส่วนของการเริ่มต้นโครงการโดยการโอนเงินให้ประชาชนใช้จ่ายนั้นจะเป็นไปตามกำหนดเดิมคือไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
สำหรับวงเงินของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตรัฐบาลยังคงใช้วงเงินในโครงการ 5 แสนล้านบาท ไม่ได้มีการลดขนาดโครงการ ซึ่งในส่วนของวงเงินทั้งจากงบประมาณรายจ่ายในปี 2567 และ 2568 ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องตามขั้นตอน ส่วนของวงเงินอีกส่วนที่ต้องใช้วงเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อีก 1.7 แสนล้านบาท นั้นมีกรอบระยะเวลาที่จะต้องนำเสนอในช่วงที่กรอบวงเงินมาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังเปิดขึ้นมา
ส่วนการขอความคิดเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกาจะทำต่อเมื่อโครงการเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.แล้วไม่ใช่การไปถามก่อนที่โครงการยังไม่เสนอเข้า ครม.ซึ่งในส่วนนี้จะไม่ใช่การไปถามความเห็นกันไปมาก่อนซึ่งในส่วนนี้ได้เคยมีการอธิบายไว้แล้ว ส่วนที่ฝ่ายค้านมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับวงเงินที่ใช้ของ ธ.ก.ส.นั้นมีวงเงินที่สูงมากก็เป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังและรัฐบาลจะรับฟังความคิดเห็นเอาไว้แต่เรื่องนี้มีการพิจารณามาอย่างต่อเนื่องแล้ว
สำหรับรายละเอียดของสินค้าที่จะกำหนดให้มีการซื้อสินค้าใดได้หรือไม่ โดยการกำหนดเป็น Negative list ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ที่จัดทำซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปแต่มีโอกาสสูงที่สินค้าที่เป็นมือถือ และอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสินค้านำเข้าจะถูกกำหนดเป็นสินค้าใน Negative list ให้ไม่สามารถที่จะใช้ได้ แต่ว่าจะต้องรอข้อสรุปอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ธนาคารโลก (World Bank) ได้มีการระบุว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ 0.5 - 1% เท่านั้น นายเผ่าภูมิตอบว่าโครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการใหม่ จะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไรก็ต้องมีการประเมินอีกครั้ง เพราะตรงนี้ยังที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่เคยมีการจำกัดรัศมี ไม่เคยมีการทำให้เงินหมุนอยู่หมู่บ้าน ในชุมชน ฉะนั้นการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจหลากหลาย ซึ่งกระทรวงการคลังก็ประเมินจากหน่วยงานต่างๆที่เขาประเมิณ ซึ่งตัวเลขการประเมินก็มีความหลากหลายขึ้นอยู่กับเงื่อนไข เช่น สินค้าต้องห้ามที่ยังไม่นิ่ง เราจึงยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจเท่าไหร่ ทั้งนี้รัฐบาลมีหน้าที่รับฟัง รับข้อห่วงใย และข้อประเมิน และมาพิจารณาร่วมกัน
เมื่อถามต่อว่า ข้อสังเกตเวิลด์แบงค์ ระบุว่าถ้าไม่ทำโครงการดิจิทัลฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)อาจจะสามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ถึง 0.25-0.5 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า มาตรการทางการเงินก็ต้องทำหน้าที่ในเรื่องของมาตรการทางการเงินด้วยตัวของมาตราการทางการเงินอยู่แล้ว
“ในเรื่องนี้อย่าเอามาผูกกันในมิติต่างๆ ธปท.เคยผูกมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่คาดการว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตจะเกิดปีนี้ และมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปรอ เพราะกลัวเงินเฟ้อ ธปท.เคยทำมาแล้ว เมื่อเอาผูกกันอย่างนี้ ผูกเสร็จแล้วก็มีปัญหา ในที่สุดธปท.ขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยที่เงินดิจิทัลฯยังไม่ออก และเงินเฟ้อก็ไม่ได้ขึ้น ทำให้มีปัญหาและเห็นเงินเฟ้อตกขอบในปัจจุบัน” นายเผ่าภูมิ กล่าว