"สว.วันชัย" ชี้ชงญัตติถอดบทเรียนเลือก สว. แค่เวทีถล่ม "กกต." แฉกระบวนการบล็อกโหวตก่อนแยกย้ายกลับบ้าน ลั่นไม่มีใบสั่ง ด้าน "สว.สมชาย" ไม่รู้ "หมอเกศกมล" ว่าที่ สว. จบป.เอกหรือไม่ ชี้ตำแหน่งศาสตราจารย์ต้อง "โปรดเกล้าฯ" เท่านั้น ยันไม่เห็นใครกลัวสักคน แม้โทษถึงคุก ซัดเรื่องวุฒิฯผิดตั้งแต่ต้น แต่ กกต.ปล่อยผ่าน ยันไม่ได้อยากอยู่ต่อ พร้อมส่งมอบงานด้วยเกียรติ ถ้ารับด้วยเกียรติ ขณะที่ "สำนักเลขาธิการวุฒิสภา" ได้เตรียมสถานที่พร้อมรับการรายงานตัวของ สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. 200 คนชุดที่ 13 ที่ห้องริมน้ำ ชั้น 1 อาคารวุฒิสภา แต่มีการนำป้าย “ห้ามเข้า” ติดไว้ที่ประตูทางเข้าเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่

    
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.40 น. ของวันที่ 8 ก.ค.67 นายวันชัย สอนศิริ สว. กล่าวถึงการประชุมวุฒิสภาพิจารณาญัตติเพื่อถอดบทเรียนการเลือก สว.ชุดใหม่ ว่า  เวลาแทบทำอะไรไม่ทัน เท่าที่เสนอการตั้งญัตติดังกล่าวต้องใช้เวลา 30 วัน จึงขอถามว่า 30 วันจะทำอะไรได้ทัน และว่ากันตรงไปตรงมาคือการเปิดอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยตรง แต่การจะไปศึกษาตรวจสอบ บทเรียนอะไร ในชั้นกรรมาธิการ 30 วัน ถ้ามีการประกาศรับรองสว.ใหม่ สว.ชุดเก่า ก็หมดวาระแล้ว ดังนั้นกระบวนการไปไม่ได้ตลอด แต่ถ้าถามว่าการตั้งญัตตินี้วัตถุประสงค์โดยภาพรวม ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาอะไรได้ นอกจากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิติเตียนถล่มกกต. แล้วกลับบ้านไป เพราะไม่สามารถดำเนินการได้จนเป็นมรรคผลอะไร กว่าจะตั้งกรรมาธิการไปทำอะไร ก็จบ หมดเวลาลิเกเลือกแล้ว
    
นายวันชัย กล่าวว่า การเลือกสว. ครั้งนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์ตามสื่อแทบทุกวันว่ามีการบล็อกโหวต จัดตั้งวางแผนเตรียมการต่างๆเป็นที่รู้กันอยู่ ว่ากกต.ต้องแก้ปัญหาสื่อต้องตรวจสอบ พี่น้องประชาชนต้องดำเนินการว่า ระบบแบบนี้จะต้องมีต่อไปหรือไม่ควรมีต่อไป แต่เราหมดเวลาจะต้องทำงานจนวินาทีสุดท้ายถ้าทำแล้วเป็นมรรคผลตนว่าโอเคแต่โดยหลักแล้วไม่สามารถเดินไปสุดได้
    
เมื่อถามว่าส่วนสว.ชุดใหม่ ระบุว่าการนัดประชุมเป็นการเสียมารยาท นายวันชัย กล่าวว่า แล้วแต่จะมองว่าเป็นอย่างไร บางคนก็มองว่าควรรอให้ชุดใหม่มาดำเนินการ บางคนก็มองว่ามีเวลาแม้วินาทีสุดท้ายก็จะต้องทำจึงแล้วแต่มุมคิด แต่ส่วนตัวแล้ว หวังว่าไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการที่วิพากษ์วิจารณ์
    
"จึงขอเรียกร้อง กกต.ให้ประกาศผล โดยเร็ว ถ้าดูแล้วไม่มีปัญหาอะไร เพราะการปล่อยให้ทิ้งช่วงเวลานานเกินไปรังแต่จะก่อให้เกิดปัญหา ทั้งผู้ที่เลือกมา และทำให้สว.ชุดเก่าไม่แน่ใจว่าทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งหมดนี้กกต.ต้องรับผิดชอบต่อผลการเลือก และการงานต่างๆ จะช้าหรือเร็วก็ถูกถล่มอยู่แล้ว เพราะผลออกมาเป็นที่ประจักษ์มีการบล็อกโหวตจัดตั้งมีการเตรียมการวางแผน ทั้งหมดไม่พ้นสายตาที่ประชาชนจะถล่ม ไปที่กกต. รวมถึง สว. ชุดเก่าก็เตรียมที่จะถล่มในการประชุมวันนี้ด้วย"นายวันชัย กล่าว
    
นายวันชัย กล่าวต่อว่า ถ้าจะพูดให้ดีก็คือถอดบทเรียนศึกษาหาข้อมูล แต่ถ้าส่วนตัวที่มองน่าจะเป็นการถล่มการทำงานของกกต.มากกว่า และเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความบกพร่องผิดพลาด ของการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ถามว่าจะทำให้ถึงที่สุด ถึงชนิดว่าออกมาเป็นผลงานได้เลยหรือไม่ เชื่อว่าไม่ทัน ดังนั้นเป้าจริงๆคิดว่าคนที่ดำเนินการเรื่องนี้คือต้องการจะชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่อง ของคนจัดการเลือก แล้วบุคคลที่ได้มาเป็นสว. รวมทั้งกระบวนการต่างๆทั้งหมด จะเอามาแฉให้เห็น โดยใช้เวทีสภาเป็นเวทีของการที่ วิพากษ์วิจารณ์ ทิ้งทวนแล้วก็กลับบ้าน วันนี้จะใช้เวทีตรงนี้เอามาแฉอีกทีนึง เป็นการถล่มซ้ำก่อนที่จะจบ ดังนั้นยิ่งช้าต่อไปจะยิ่งถูกแฉมากขึ้นเรื่อยๆ
    
"ผมยืนยันว่าไม่มีใบสั่ง เพราะเห็นกันอยู่ อาจจะเป็นใจสั่งมามากกว่าที่จะมีใครมาสั่ง ทุกคนที่ดูก็เป็นตัวของตัวเอง คนจะสั่งก็ไม่รู้จะสั่งไปเพื่ออะไร บางคนเตรียมกลับบ้านอยู่แล้วไม่ได้สนใจอะไรแต่ก็มีบางกลุ่มบางพวกที่อาจจะมีอะไรติดใจบางเรื่อง ก็แค่นั้น ถ้ากกต.ประกาศตูมจะเก็บกระเป๋ากลับบ้านทันกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะกกต. ประชุม 10:00 น จะกลายเป็นว่าไม่รู้ใครถล่มใคร"นายวันชัย กล่าว
    
นายวันชัย กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่ากระบวนการเลือก สว.บกพร่องมาตลอด จึงเป็นเรื่องที่คนจะแก้รัฐธรรมนูญจะต้องไปพิจารณาต่อไป ว่ายังจะต้องให้มีสว.ด้วยระบบนี้หรือไม่ จะมีหรือไม่ต้องไปคิดกันต่อไป มองว่าระบบนี้ล้มเหลวควรต้องแก้ไข หรือจะให้มีสภาเดียว
    
เมื่อถามว่าการพิจารณาตำแหน่งประธานวุฒิสภา ที่ล่าสุดมีการล็อคไว้เป็นสว.สายสีน้ำเงิน นายวันชัย กล่าวว่า การเมืองต้องอาศัยพวกมากไม่ว่าจะยุคไหน ต้องรวมคนให้ได้มากที่สุด ถ้ายุคนี้สายไหนสีไหนรวมพลได้มากก็จะได้เป็นประธานวุฒิสภาเป็นรองประธาน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ รวมได้เสียงน้อยคนนั้นไม่ได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกไปกว่าทุกยุคทุกสมัย
    
ด้าน นายสมชาย แสวงการ สว.ให้สัมภาษณ์ถึงคุณสมบัติวุฒิการศึกษาของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ว่าที่ สว. ที่มีการวิจารณ์ว่าไม่เป็นไปตามที่แจ้ง ว่า อย่าลืมว่าเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ ต้องการกลุ่มคนที่มีประสบการณ์ในแต่ละอาชีพ ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาก็ได้ แต่ถามว่าตรงกับกลุ่มที่ไปลงสมัครหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนี่ง ส่วนเรื่องประวัติที่ให้เขียน 5 บรรทัด ถ้าบอกว่าเลี้ยงไก่ เรามีความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม ได้มาเป็น สว. ก็ต้องอธิบายว่าเข้ามาได้อย่างไร คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ไม่ได้ตรวจระดับพื้นที่หรือ 
              
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ในกรณีนี้ ที่มีข้อสงสัยเรื่องวุฒิการศึกษา การสมัครก็ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าต้องจบวุฒิไหน ไม่ว่าจะจบปริญญาตรี โท เอก แต่ถ้าใช้ไปในทิศทางหลอกลวง ก็จะเป็นอีกกฎหมายหนึ่ง โดยจะมีความผิดตั้งแต่มาตรา 74 ที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติ แล้วใช้วุฒิการศึกษาไปจ้างวานหลอกลวงให้คนอื่นเลือก ก็มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท แต่ก็ไม่มีใครกลัวสักคน เห็นมา สมัครกัน 40,000 กว่าคน ผ่านกันมาเยอะมากแบบที่ตนเห็นแล้วว่าผิดตั้งแต่ต้น ที่ไม่ได้มีการตรวจสอบ ส่วนกรณีหมอเกศกมล หากพิสูจน์ได้ว่าใช้วุฒิการศึกษาปลอม อาจเข้าข่ายหรือไม่ ตนไม่รู้ว่าจบปริญญาเอกจริงหรือไม่ อาจจะจบจริงก็ได้ แต่เรื่องศาสตราจารย์ เป็นเรื่องของการโปรดเกล้าฯ วิธีการตรวจคือมหาวิทยาลัยรับรองหรือไม่ และได้รับการรับรองจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) หรือไม่ คำว่ากิตติมศักดิ์ บุคคลทั่วไปก็ใช้ไม่ได้ 
      
นายสมชาย กล่าวต่อว่า เอกสารในการสมัคร หากผิดพลาด ก็ต้องผิดพลาดตั้งแต่ต้น กกต.ก็ต้องรับผิด เรื่องนี้กกต. ปล่อยปะละเลยหรือไม่ ถ้ามั่นใจว่าตรวจแล้ว ก็ต้องดูว่าถูกตัดสิทธิ์ไปตั้งแต่ระดับอำเภอหรือไม่ หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการโหวตตั้งแต่ต้น ทำให้กระบวนการเสียตามทฤษฎีต้นไม้พิษหรือไม่ แต่วันนี้สังคมอยากให้กระบวนการเดินต่อ ไม่อยากให้เป็นโมฆะ สว.ชุดเก่าไม่ได้อยากอยู่ต่อ แต่เป็นหน้าที่ของ กกต. ที่ต้องไม่ปล่อยปะละเลย ยืนยันว่าพร้อมส่งมอบงานให้สว.ชุดใหม่ ถ้าท่านรับด้วยเกียรติ เราก็ส่งให้ด้วยเกียรติ เพราะสว.ชุดนี้จะเข้ามาทำหน้าที่แทนเราด้วยความสง่างามเพื่อประเทศชาติ ประชาชน สมเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทีเหลือก็เป็นเรื่องที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันต่อและเราก็คงหมดภาระ