วันที่ 8 ก.ค.67 น.ส.วงเดือน น้ำรักษ์ เกษตรกรรุ่นใหม่ เปิดเผยว่า ตนอายุ 40 ปี ภูมิลำเนาเป็นคนตำบลหนองผือ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ได้เดินทางไปทำงานที่กรุงเทพและแต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกับนายอนิวรรตน์ พากเพียร อายุ 40 ปี สร้างครอบครัวจนมีบุตรชาย 2 คน อายุ 10 ขวบ และอายุ 7 ขวบ โดยมีพ่อกับแม่สามีช่วยดูแลลูก ๆ ให้ ซึ่งอาศัยอยู่หมู่ที่ 5 บ้านขั้นไดใหญ่ ตำบลขั้นไดใหญ่ จนกระทั่งหลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 2019 (COVID - 19) การแพร่ระบาดของสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ตระหนักได้ว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน จากมนุษย์เงินเดือนเลยตัดสินใจหันหลังให้กับตึกสูงเพื่อกลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัว ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตจากชีวิตที่มีความสะดวกสบาย หันมาจับจอบ เสียม ถากถาง พลิกวิกฤตให้เกิดเป็นโอกาสบนพื้นที่กว่า 4 ไร่ จากพื้นที่ปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ ในปี 2565 ได้นำน้อยหน่าเข้ามาปลูกในแปลง ด้วยประสบการณ์ยังน้อยและไม่ได้ศึกษาข้อมูลที่เพียงพอทำให้การปลูกน้อยหน่าไม่ประสบความสำเร็จ 

จนในต้นปี 2566 หันมาศึกษาข้อมูลการปลูกการดูแลฝรั่งสายพันธุ์ไส้แดง จนได้ทราบว่ามีหลายพันธุ์ เช่น แดงอโยธยา3, ศรีสะเกษ2, ศรีสะเกษ3, หยาดทิพย์, พิงค์ชูก้า, หงจ้วนสือ, หงเป่าสือ และได้นำพันธุ์ดังกล่าวมาปลูกบริเวณบ้านพักอาศัยของตนเองก่อน ถือเป็นแปลงเรียนรู้แปลงแรกก่อนจะนำมาขยายพันธุ์ในแปลงของพ่อสามีพื้นที่กว่า 4 ไร่ เป็นการท้าทายซึ่งเป็นพืชที่เกษตรกรในพื้นที่ไม่เคยปลูกมาก่อน จนเกิดไอเดียโดยใช้ข้อดีของการมีพิกัดที่ตั้งแปลงอยู่ข้าง ๆ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลขั้นไดใหญ่ ซึ่งฝรั่งไส้แดงเป็นพืชที่ใหม่ในพื้นที่เนื่องจากยังไม่มีใครปลูก ตนเองและสามีจึงมองหาช่องทางการทำเงินจากจากพืชชนิดนี้ ซึ่งเป็นพืชที่น่าสนใจโดยในแปลงมีการปลูกขยายต้นพันธุ์ฝรั่ง เน้นการจำหน่ายต้นพันธุ์ฝรั่ง ถือคติ “ทำน้อย ได้มาก” มีการบริหารจัดการแปลง มีการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองจากการศึกษาข้อมูลใน YouTube และสอบถามผู้รู้ เครือข่ายผู้ปลูกฝรั่งและไม้ผล โดยได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งในจังหวัด พื้นที่ใกล้เคียงและทั่วประเทศ

ในช่วงปลายปี 2566 ได้สมัครเข้าร่วมโครงการ Young Smart Farmer (YSF) ของจังหวัดยโสธร สร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และปัจจุบันในแปลงปลูกฝรั่งมีการผลิตและขยายพันธุ์ฝรั่งไส้แดงจำหน่ายผ่านหลากหลายช่องทาง ทั้งผ่านรูปแบบออนไลน์ และที่มาเยี่ยมชมสวนด้วยตนเองมีลูกค้าเดินทางมาจากทั่วทุกทิศทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ความสนใจ ถือเป็นรายได้หลักของครอบครัว โดยจำหน่ายต้นพันธุ์เริ่มต้นที่ราคา 100 - 1,000 บาท แล้วแต่ขนาดของต้นพันธุ์ หากใครสนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เพจ Facebook “Delta Achirawit” และ “Dd farm ยโสธร” หรือโทร. 084-644-1239ได้ตลอดเวลา