กรมสรรพสามิตเก็บรายได้ภาษี 9 เดือนปีงบ 67 แตะ 3.94 ล้านบาท สิ้นปีคาดเก็บรายได้โต 12-13% จ่อชง ครม.เคาะภาษีคาร์บอน
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง 9 เดือนของปีงบประมาณ 2567 (ต.ค.66-มิ.ย.67) ว่า กรมฯ สามารถจัดเก็บรายได้อยู่ที่ 3.94 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 4 หมื่นล้านบาท หรือ 12.3% มากกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ที่คาดว่าจะเติบโต 1-2% โดยเป็นผลมาจากการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มที่ขยายประมาณ 13% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รวมถึงภาษีสุรา ภาษีเบียร์ ภาษีสนามกอล์ฟ ภาษีสถานบริการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า การเก็บรายได้ภาษียังต่ำกว่าเป้าหมาย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา เพื่อบรรเทาภาระของประชาชน ทำให้กรมฯ สูญเสียรายได้ราว 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งภาษีน้ำมันคิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ ทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นผลมาจากการจัดเก็บภาษีรถยนต์ที่ต่ำกว่าเป้าหมายราว 2.5 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลดภาษีสรรพสามิตยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) จาก8% เหลือ 2% โดยภาษีรถอีวีมีสัดส่วน 10% ของภาษีรถยนต์ทั้งหมด ขณะที่อีก 90% ของภาษีรถยนต์นั้น เป็นผลมาจากภาพรวมตลาดรถยนต์ที่หดตัวลงอย่างแรง โดยยอดการผลิตรถยนต์ลดลงจากปีก่อนราว 30% อีกทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ส่งผลต่อคุณภาพของผู้ขอสินเชื่อให้ปรับตัวลดลง โดยภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั้น คิดเป็น 20% ของการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ ทั้งหมด ตลอดจนการชะลอตัวลงของภาษีสรรพสามิตยาสูบ ซึ่งรายได้หายไปประมาณ 8 พันล้านบาท
โดยต้อมยอมรับตรงๆว่า เรายังเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย แต่จะพยายามให้เต็มที่ โดยมั่นใจว่าสิ้นปีงบประมาณ 2567 การจัดเก็บรายได้ของกรมฯ จะเติบโตราว 12-13% จากปีก่อน ซึ่งจะมีการเพิ่มศักยภาพการจัดเก็บรายได้มากขึ้น เพื่อมาชดเชยส่วนที่หายไปให้ได้มากที่สุด โดยปัจจุบันมีรายได้จากภาษีเครื่องดื่มที่ขยายตัวดีประมาณ 13% รวมถึงภาษีสุรา ภาษีเบียร์ ภาษีสนามกอล์ฟ ภาษีสถานบริการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เชื่อว่าตรงนี้จะมีส่วนเข้ามาช่วยเสริม
ขณะเดียวกันกรมฯ อยู่ระหว่างการเร่งพิจารณาภาษีคาร์บอน ซึ่งในระยะยาวจะเป็นฐานภาษีตัวใหม่ที่เข้ามาช่วยเสริมบทบาทของกรมที่มุ่งเน้นด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก โดยขณะนี้ได้ดำเนินการพิจารณาเรื่องภาษีคาร์บอนไปแล้ว 80-90% หลักการคือ กรมฯจะเข้ามาช่วยสร้างกลไกราคาคาร์บอน ซึ่งภาษีคาร์บอนจะแทรกอยู่ในภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และการดำเนินการในช่วง 2 ปีแรก ยืนยันว่าจะไม่ให้กระทบกับประชาชนอย่างแน่นอน และไม่กระทบกับรายได้ของกรมฯ
lesiy[ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งพิจารณารายละเอียด เบื้องต้นคาดว่าจะเสนอให้ ครม.พิจารณาได้ภายใน 1-2 เดือน ซึ่งประโยชน์ของภาษีคาร์บอนไม่เพียงแต่จะทำให้ประชาชนตระหนักรู้ว่า เราปล่อยคาร์บอนกันคนละเท่าไหร่ แต่ในมิติของโรงงานอุตสาหกรรมที่ส่งสินค้าไปยังยุโรปก็จะได้ประโยชน์ด้วย โดยกรมฯอยู่ระหว่างการเจรจากับกระทรวงพาณิชย์ถึงกรณีที่โรงงานต่างๆเช่น โรงงานเหล็กซื้อน้ำมันดีเซลไปหลอมเหล็กเพื่อส่งไปยุโรป ซึ่งหากปริมาณน้ำมันที่ใช้มีการเสียภาษีคาร์บอนกับกรมแล้วอยากให้สามารถนำไปหักกลบกับภาษี CBAM ที่ยุโรปจะเก็บในต้นปี 2569 ด้วย และจากการพูดคุยกับโรงกลั่นบางแห่งพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนและพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ กรมฯยังอยู่ระหว่างเร่งศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีแบตเตอรี่ เพื่อเตรียมเสนอกระทรวงการคลังพิจารณา โดยปัจจุบันเก็บภาษีที่ 8% ทุกประเภทแบตเตอรี่ ซึ่งข้อสรุปเบื้องต้นคือ จะพิจารณาจากคุณภาพของแบตเตอรี่เป็นหลัก เช่น หากเป็นแบตเตอรี่คุณภาพสูง เก็บพลังงานได้เยอะ ชาร์จได้เกิน 1 พันรอบ มีความทนทาน ใช้ได้นานก็อาจจะเก็บภาษีในอัตราที่ถูกลง แต่หากเป็นแบตเตอรี่คุณภาพไม่สูงอาจจะเก็บภาษีในอัตราที่แพงกว่า รายละเอียดเกี่ยวกับอัตราภาษีที่จัดเก็บจะออกมาเป็นตารางตามคุณภาพของแบตเตอรี่
#กรมสรรพสามิต #ข่าววันนี้ #ภาษี #รายได้ #ภาษีคาร์บอน