วันที่ 8 ก.ค.2567 เวลา 13.22 น.ที่กกต. นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว 2006 เข้ายื่นต่อ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 200 คน   และสำรอง 100 คน ว่า วันนี้มาร้องให้ กกต. ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเฉพาะกิจ หรือนิติกร ในการตรวจสอบผู้ที่ได้รับเลือกเป็น  สว. โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นสว.นั้นมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติที่ กกต.ไม่ได้ตรวจสอบอย่างเพียงพอจนมีการปล่อยผ่านเข้ามาจนถึงรอบสุดท้าย โดยตนได้นำ 2 ชื่อผู้ที่การรับเลือกมาเป็น สว.จากกลุ่มสตรีที่เป็นบุตรของ  สว.ชุดปัจจุบันมีอักษรย่อ อ.เป็นผู้ชาย และ  สว.ชุดปัจจุบันอักษรย่อ ท. เป็นผู้หญิง และจากการตรวจสอบยังพบว่ามีบางคนที่ต้องคดีความ บางคนมีหุ้นส่วนในสื่อสามวลชน ซึ่งตนคิดว่าความผิดพลาดนี้อาจจะไม่ได้เป็นความตั้งใจของผู้สมัครก็ได้ แต่อาจจะเข้าใจว่าเรื่องข้อห้ามเหล่านี้ไม่มีในข้อกำหนดเลยสมัครเข้ามา    เมื่อสมัครมาแล้ว กกต.รับรองว่าเป็นผู้สมัครจึงปล่อยผ่านมาถึงรอบสุดท้าย ซึ่งกรณีที่ตนยื่นวันนี้มีเอกสาร หลักฐานชัดเจน เพราะไม่ใช่ว่าเราจะตรวจสอบแค่สว.ใหม่ แต่เรายังมีการตรวจสอบสว.เก่าที่เชื่อมโยงกับสว.ใหม่ด้วย ปัญหาเหล่านี้มีความทับซ้อนกันมา ฉะนั้นตนจึงอยากให้ กกต. พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติของสว.ใหม่อย่างเร่งด่วน  และการที่ว่าปล่อยผ่านแล้วมาสอยทีหลังเป็นความเสียหายมาก

“กกต.ตั้งคณะตรวจสอบเฉพาะกิจ ไปขอความร่วมมือจากสภาทนายความก็ได้ เพื่อมาตรวจสอบ แต่อย่าเพิ่งรับรอบ สว.ใหม่ เพราะถ้ารับรองไปแล้ว กกต.เองอาจจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด และอาจถึงขั้นรับผิดชอบด้วยการลาออกทั้งคณะ เพราะความเสียหายวันนี้ส่อให้เห็นถึงปัญหาต่างๆ กกต.จึงต้องมีบทบาทในการตรวจสอบ และการรับรองที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ เราอยากเห็นองค์กรอิสระมีประสิทธิภาพ เราก็เป็นห่วงอยากเห็นบทบาทองค์กรอิสระมากกว่านี้”นายนพรุจ กล่าว