วันที่ 8 ก.ค.2567 จากสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่านอุตรดิตถ์ พะเยา 24 อำเภอ ชายแดน ยาว 933 กิโลเมตร ที่ส่วนใหญ่เป็นช่องทางธรรมชาติ ยังคงรุนแรง นั้น พ.อ. มีชัย นิลศาสตร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง (รอง กกล.ผาเมือง) เปิดเผยว่า การสู้รบ ในเมียนมา และ การสร้างฐานอำนาจ ของชนกลุ่มน้อย ทำให้มีการผลิต ยาเสพติด เพิ่มมากขึัน เพราะต้องผลิตยาเสพติดมากขึ้น เพื่อไปซื้ออาวุธ มาดูแลชนกลุ่มน้อย ของตนเอง ให้แข็งแกร่ง
โดยในพื้นที่นี้จะเป็นรัฐฉานใต้ ที่ไม่มีการสู้รบกับ รัฐบาลทหารเมียนมา แต่ก็ต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มของตนเอง เพราะ ในพื้นที่นี้รัฐบาลทหารพม่ายังไม่สามารถควบคุมชนกลุ่มน้อยได้ จึงมีอิสระในการผลิตยาเสพติด
พ.อ.มีชัย ชี้ในเชิงสถิติว่า แค่ 8 เดือน ของปี 2567 จับได้ 151 ล้านเม็ด เทียบกับช่วงเดียวกันใน ปี2566 จับได้ 42 ล้านเม็ด ที่เป็นการชี้ว่า มีการผลิตยาเสพติดเพิ่มมากขึ้นและเชื่อได้ว่ายังอยู่ที่ชายแดน อีกหลายร้อย ล้านเม็ด หาก ยาเสพติดจำนวนนี้ หลุดเข้ามาในเมือง จะ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ มีมูลค่าสูงถึง 24,357 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม พ.อ.มีชัย ระบุว่ายังไม่มีข้อมูลยืนยัน ความเชื่อมโยงว่า ชนกลุ่มน้อยในฝั่งนี้ ได้นำเงิน หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ไปสนับสนุน ชนกลุ่มน้อย ด้านตรงข้าม อ.แม่สอด จังหวัดตาก ที่มีการสู้รบกับรัฐบาลทหารเมียนมา โดยเราใช้ทั้งการเฝ้าตรวจและ รีโมทเซ็นซิ่ง กล้องตรวจจับในเวลากลางคืน UAV มาช่วยในการสกัดกั้น ยาเสพติด โดยเฉพาะในพื้นที่ 11 อำเภอชายแดน เชียงราย เชียงใหม่
พ.อ. มีชัย ยืนยันว่า ในพื้นที่ กกล.ผาเมือง สกัดกั้น ขบวนการลักลอบค้าอาวุธสงคราม ให้ชนกลุ่มน้อย เรายังสกัดกั้น และที่ผ่านมา ยังไม่มีการจับการลักลอบค้าอาวุธในพื้นที่นี้ และยืนยันว่า รัฐบาลไทยไม่ได้สนับสนุนชนกลุ่มน้อย
พ.อ.ไมตรี ศรีสันเที๊ยะ เสนาธิการกองกำลังผาเมือง กล่าวว่า สาเหตุที่ ทำให้มีการผลิตยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้าจำนวนมากเพราะมีการทะลายกลุ่มจีนเทาตามแนวชายแดนโดยเฉพาะ โรงแรม-คาสิโนใหญ่ จึงทำให้กลับมาผลิตยาเสพติด เช่นเดิม
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ สารตั้งต้นในการผลิตยาบ้า เมตแอมแฟตตามีน สามารถจัดหาได้ง่าย ที่คาดว่าจะนำเข้าทางชายแดนรัฐฉานเหนือ ที่ติดกับทางจีน
พบมีการผลิตยาบ้า กันที่ชายแดน ด้วยเครื่องตอก ชม.ละ1 แสนเม็ด