นายกฯ ห่วงผู้ประสบเหตุภัยไฟไหม้ ชุมชนตรอกโพธิ์เยาวราช สั่งช่วยผู้บาดเจ็บ ดูแลความปลอดภัยปชช.ในพื้นที่และนักท่องเที่ยวด่วน ชัชชาติ เผยกทม.ตั้งจุดลงทะเบียน-เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ บิ๊กต่อ สั่งพฐ.เร่งเคลียร์สาเหตุ สรุปความเสียหายทั้งหมด 37 ครัวเรือน มีผู้บาดเจ็บ 5 ราย
เมื่อวันที่ 7 ก.ค.67 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบและสั่งการดูแลความปลอดภัยประชาชนบริเวณชุมชนตรอกโพธิ์ เยาวราช ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังเกิดไฟไหม้ โดยได้สั่งการดับไฟ ช่วยเหลือผู้ติดค้าง พร้อมสั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยเหลือดูแลผู้ได้รับผลกระทบทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติเป็นอย่างดี นวมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดูแล ช่วยเหลืออำนวยความสะดวก ให้ประชาชน ที่ได้รับบาดเจ็บและประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร และผู้บริหารสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ได้ลงพื้นสำรวจความเสียหาย และอำนวยความสะดวกต่อเหตุการณ์เพลิงไหม้ ชุมชนตรอกโพธิ์ พร้อมระบุว่าในเบื้องต้นสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ได้ตั้งจุดลงทะเบียนผู้ได้รับผลกระทบแล้วมากกว่า 200 คน เพื่อรับการเยียวยา นอกจากนี้ยังมีแรงงานข้ามชาติอีกจำนวนมากที่เช่าบ้านในชุมชนตรอกโพธิ์ ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทั้งนี้ ทางกรุงเทพมหานคร ได้ตั้งจุดที่พักชั่วคราวแก่ผู้ประสบภัยไว้ที่ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร วัดสัมพันธวงศ์ วัดชัยชนะสงคราม หรือวัดตึก อาคารพิชัยญาติ สำนักงานเขตเขตสัมพันธวงศ์ โดยขั้นตอนหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ พร้อมเปิดเส้นทางจราจรบนถนนเยาวราชให้สามารถกลับมาใช้งานได้ปกติ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ดูแลอำนวยความสะดวกช่วยเหลือประชาชนในทุกมิติ จัดพนักงานสอบสวนไปช่วยเหลือสอบสวนปากคำพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ให้เกิดความสะดวกทางคดี และให้กองพิสูจน์หลักฐานเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุ พร้อมตรวจดูเรื่องความปลอดภัยของอาคาร ความเสียหายที่เกิดขึ้นร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นพบว่าประชาชนที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนมีผู้ลงทะเบียนผู้ประสบภัยกับเขตสัมพันธวงศ์จำนวน 264 คน รวม 37 ครัวเรือน และหากพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยต้องการสอบถามข้อมูลหรือขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม ติดต่อที่หมายเลข 1599 หรือ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ล่าสุดทาง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติและทีมวิศวกรเข้ามาตรวจสอบและประเมินโครงสร้างของอาคารแล้ว
ส่วน พ.ต.อ.วิทวัส เข่งคุ้ม ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 กล่าวถึงการตรวจสอบพื้นที่เพลิงไหม้ภายในชุมชนตรอกโพธิ์ ถนนเยาวราช แขวงและเขตสัมพันธวงศ์ ว่า เพลิงไหม้บ้านอาคารเลขที่ 12 เป็นบ้านไม้ โดยชุมชนดังกล่าวเป็นชุมชนเก่าแก่ของเยาวราช มีบ้านเรือนประชาชนอยู่ประมาณ 30 หลังคาเรือนในเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ซึ่งการเข้าไปดับเพลิงนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากเป็นซอยคับแคบ มีเจ้าหน้าที่อาสาบรรเทาสาธารณภัย ที่เข้าไประงับเหตุถูกไฟดูด 1 ราย เจ้าหน้าที่ต้องรีบแจ้งให้การไฟฟ้าตัดกระแสไฟและเร่งนำรถน้ำเข้าทำการระงับเหตุ
เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังรถน้ำเข้ามาบริเวณแยกเฉลิมบุรี ทางเข้าวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร (วัดเกาะ) เพื่อนำสายดับเพลิงต่อกับประปาหัวแดงที่อยู่บริเวณหน้าชุมชนตรอกโพธิ์ ก่อนลากสายเข้าไปใช้น้ำทำการระงับเหตุ แต่เปลวเพลิงยังคงลุกไปอย่างรวดเร็วโดยลุกลามติดบริเวณโรงแรมนิวเอ็มไพร์ซึ่งมีความสูงประมาณ 7 ชั้น โดยมีแสงเพลิงลุกลามออกมาที่บริเวณตัวอาคารและกลุ่มควันเต็มทั่วอาคาร ทำให้ผู้ที่ติดค้างอยู่ภายในโรงแรมต้องเปิดหน้าต่างเพื่อระบายควันออกมาท่ามกลางการลุ้นระทึกของเจ้าหน้าที่และประชาชนที่อยู่ด้านนอกว่าจะช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ภายในอย่างไร
สำหรับที่บริเวณชุมชนตรอกโพธิ์ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุนั้นเป็นอาคารบ้านไม้ มุงสังกะสีมีประชาชนอยู่ประมาณ 30 หลังคาเรือน เป็นชุมชนคนจีนเก่าแก่ อยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ที่อยู่ด้านหลังโรงแรมนิวเอ็มไพร์ เจ้าหน้าที่ได้พยายามใช้น้ำสกัดเปลวเพลิง เพื่อไม่ให้ลุกลามติดอาคารข้างเคียง แต่กระแสลมที่พัดทำให้เปลวไฟลุกลามไปยังตึกโรงแรมนิวเอ็มไพร์ ที่ด้านหลังของโรงแรมอยู่ติดกับชุมชนได้รับความเสียหาย
กระทั่งเวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด แสงเพลิงเริ่มลดน้อยลงในวงแคบเหลืออยู่ภายในบริเวณชุมชนตรอกโพธิ์เท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่จึงยังคงใช้น้ำฉีดน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้เพลิงลุกลามอีกครั้ง และสามารถช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ภายในโรงแรมนิวเอ็มไพร์ ออกมาทางกระเช้าพร้อมประกาศให้ผู้ที่ติดค้างอยู่ออกมาเปิดหน้าต่างแล้วพบกับเจ้าหน้าที่เพื่อทำการช่วยเหลือลงสู่ด้านล่าง
โดยพบผู้ป่วย 30 คน รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีอาการสำลักควัน ได้ทำการย้ายผู้ป่วยไปไว้ที่ศาลาวัดไตรมิตรฯ เพื่อความสะดวกในการรักษาพยาบาลและป้องกันการได้รับผลกระทบจากการสูดควันไฟ นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีก 2 ราย ที่ได้รับผลกระทบที่พักอาศัยอยู่ภายในโรงแรมนิวแอมไพร์ได้ถูกย้ายไปพักอยู่ที่วัดไตรมิตรฯ เช่นกัน