ยุคนี้รักต้องเปิด! เปิดใจคู่รัก LGBTQ สะท้านแวดวงการเมือง “เอก จักรภพ เพ็ญแข - ป๊อป สุไพรพล” จับมือเปิดตำนานรักต้องซ่อนในรอบ 23 ปี เตรียมจัดงานแต่งงานสมรสเท่าเทียมประเทศแรกในอาเซียน ตอนนี้พร้อมมาก รอคอยจดทะเบียนสมรสถูกต้อง อายุห่างกัน 13 ปี ต้องปรับตัวสุดขั้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา และ บูม สุภาพรเป็นพิธีกรดำเนินรายการ

เปิดตัวคบกันได้ 1 เดือน แต่จริงๆ เป็นคู่รักแห่งตำนานการซ่อนเร้น เก็บซ่อนไว้ 23 ปี?
ป๊อป : รู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่คิดว่าจะเป็นการเปิดตัวที่กระเพื่อมกับสังคม

เอก : พี่รู้สึกเบาตัว สบายมาก ปกติก็ไม่ค่อยมีความลับอะไรอยู่แล้ว นี่คือความลับสุดท้าย พอเปิดปั๊บรู้สึกสบาย ตอนนี้ไปไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้

ทำไมตัดสินใจเปิดตัว ทั้งที่ปิดมานาน?
เอก : 23 ปี เขาขึ้นเขา ลงห้วย อยู่กับพี่จนรู้สึกว่ายังอยู่กันอีกเหรอ เราชื่นใจ ใจเราก็กลัวเขาจะไป แต่เขายังอยู่ นี่คือข้อแรก เมื่อเปิดตัวได้สังคมเริ่มยอมรับ พี่กับเขายังก้าวต่อไปได้ ไม่ถูกเหยียดหยาม ไม่ถูกเหยียบจมดิน สอง เมื่อเราเปิดตัวแล้วจะได้ทำประโยชน์ให้คนอื่นได้เยอะขึ้น ในฐานะที่เราเป็นตัวของเราเอง

ไอเดียการเปิด ใครพูดขึ้นมาหรือบอกว่าเปิดตัวกันเลยดีกว่า?
ป๊อป : คุณจักรภพครับ (หัวเราะ) เขาจะถามก่อนว่าเห็นด้วยมั้ยตอนนั้นก็รู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวเราเริ่มลดน้อยลงแล้ว ถ้าเราเป็นบุคคลสาธารณะ และทำประโยชน์ให้กับประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม LGBTQ

เอก : เราบวกลบ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็เตือนเขาว่าถ้าเขาเป็นที่รู้จัก ชื่อเสียงมันมีสองมุม บางทีต้องเตือนเขา เพราะเขาจะเข้ามาสู่ชีวิตแบบนั้นแล้ว

ถ้าเปิดตัวบวกกับลบอะไรจะเกิดมากกว่ากัน?
เอก : พี่อยากเปิด โน้มน้าวให้เขาเปิด แต่ถ้าเขายืนยันว่าไม่เปิด พี่คงไม่กล้า พอเขาโอเคพี่ดีใจ รู้สึกว่าเราก็มาด้วยกัน เห็นตรงกัน ของแบบนี้ไม่ต้องถามอะไรกันมาก แป๊บเดียวก็ได้คำตอบ

ครอบครัวว่ายังไงตอนเปิดตัว?
เอก : พี่รู้ว่าตัวเองชอบแบบนี้มาตั้งแต่อายุน้อยมาก แต่ด้วยความเป็นเด็ก เรียบร้อย มีประสบการณ์จริงๆ ตอนโตแล้ว ใกล้ 20 แล้ว ถึงตอนนั้นก็บอกพ่อแม่ เพราะเรามั่นใจว่าเราเป็นใคร ต้องรอไปเรียนต่อกลับมาก่อน ตอนนั้นไม่มีป๊อป แต่เริ่มต้นรู้จักกันแล้ว เป็นตำนานมาก (หัวเราะ)

ป๊อป : ตอนแรกที่บ้านไม่ทราบ แต่พอเริ่มไปส่งที่บ้านบ่อยๆ ก็เริ่มสงสัย คุณย่าสงสัยคนแรก เพราะคุณย่าเอากล้วยมาให้คุณจักรภพ (หัวเราะ)

เอก : แบกกล้วยมาเครือนึง ย่าเดินเอามาให้ที่ท้ายรถ แล้วบอกว่าฝากดูแลกันด้วย ผ่านกล้วย 1 เครือ (หัวเราะ)

มีคำพูดจุกอกจากพี่เอกที่พูดกับพี่ป๊อป คืออะไร?
ป๊อป : น่าจะเป็นคำพูดที่เขาบอกว่าขอบคุณนะที่อดทนอยู่กับพี่มา โดยที่ไม่จากกัน โดยที่รู้สึกว่าเราต่อสู้มาด้วยกัน

เอก : ก็ต้องกลั้นใจบอกเขาว่าถ้าไม่ไหว จะไปก็เข้าใจ เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า แล้วพี่รู้สึกว่าพี่อายุมากกว่าเขา พี่ต้องรับผิดชอบชีวิตเขา เขาอายุน้อยยังหาได้ และหาง่ายกว่าอีก เขามีสิทธิ์ที่จะไปสำรวจชีวิตไปอะไรก็เลยต้องเปิดทางกัน คนเราอยู่กันนานๆ เหมือนต่อประโยคกัน จะเข้าใจกัน อยู่กันมานาน พูดเพราะจำเป็นต้องพูด จะว่าไปพยายามเป็นคนดี ทั้งที่เราเห็นแก่ตัว เราอยากกลับมาแล้วเห็นเขาอยู่ ด้วยเราต้องไปอยู่ต่างประเทศเพราะเหตุผลทางการเมือง ก็หวังว่ากลับมาแล้วชีวิตเดิมๆ จะรออยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องนี้

เริ่มคบนานเท่าไหร่ ถึงต้องจากกัน?
ป๊อป : ประมาณ 10 ปีได้ครับ

เดย์วันที่คบกัน ตัดสินใจคบกัน ครอบครัวพี่เอกก็ยังไม่ได้เปิดขนาดนั้น?
เอก : นึกภาพพี่เป็นผู้ชายที่ต้องเล่นบทเป็นผู้ชาย ส่วนตัวก็บุคลิกอย่างนี้ แต่ไม่มีใครคิดว่าเราจะเป็น พ่อแม่ก็คงรู้แต่คงไม่อยากยอมรับ นี่เป็นจุดนึงที่ตัดสินใจบอก เราต้องซื่อสัตย์กับคนที่เรารัก พ่อแม่ต้องมาก่อนเลย ความรู้สึกพี่คือต้องบอก พ่อแม่ก็ต้องใช้เวลา เหมือนหลายคู่เหมือนกัน พอเปิดปั๊บพ่อแม่จะซัดกันทันที ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครโทษใคร

นานมั้ยกว่าจะเอาชนะใจครอบครัว?
ป๊อป : นานครับ (หัวเราะ) เป็นระยะเวลา 10 ปีได้เลยครับ

มีประโยคที่คุณพ่อพี่เอกพูดกับพี่ป๊อป เราตกใจและช็อกมาก มันคืออะไร?
ป๊อป : เขาพูดว่าเดินติดตูดเลยนะ (หัวเราะ)

เอก : ตอนนั้นเขาเป็นผู้ช่วย แต่เราอยากอยู่ด้วยกัน พ่อก็สังเกตเห็นจนกระทั่งไปว่าเขา เพราะไม่รู้ว่าเราจะมีความสัมพันธ์กัน

มีคิดถอดใจไม่คบกันมั้ย?
ป๊อป : มีเล็กๆ น้อยๆ จากการคาดหวังสูง มีน้อยใจ งอนบ้างครับ

คาดหวังสูงคืออะไร?
ป๊อป : อยากให้ได้ดี และประสบความสำเร็จ ก็จะคาดหวังไปตามอารมณ์

เอก : อันนี้เป็นความผิดพี่เอง เราอยู่ในสังคมหลายสังคม ก็รู้สึกว่าถ้ารู้จักเทคนิคตรงนี้ รู้จักวิธีอยู่ตรงนั้น อยู่เป็น เขาจะสบายขึ้น แต่ลืมไปว่านั่นคือชีวิตเขา เขาต้องเรียนรู้เอง เขาต้องรู้เอง ตอนแรกเราก็เอาแต่ใจ อยากให้เขารู้ทันที ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเป็นเจตนาดี

ถ้าย้อนกลับไป ครอบครัวไม่ซัปพอร์ต?
เอก : หมายถึงแม่พี่ล่ะสิ (หัวเราะ)

ป๊อป : ตอนแรกก็รู้สึกว่าต้องเอาชนะใช่มั้ยครับ แต่พอระยะเวลาผ่านไป ก็เข้าใจความเป็นแม่ที่รักลูก เขาก็อยากให้มีคู่ครองที่ดีเหมาะสม

เอก : แม่ไม่ได้ห้าม แต่ใช้เวลาอยู่นาน เหมือนทดสอบพี่ด้วย ว่าแน่ใจเหรอ เป็นตามแฟชั่นหรือเปล่า แต่แม่แม่ที่รักลูกจริง สุดท้ายก็อยากให้ลูกมีความสุข แต่บางครั้งการมีความสุขใช้เวลานานในการมอง ว่าเขามีความสุขจริงหรือเปล่า พอรู้ว่ามีความสุขจริงก็เบาลงเยอะ ตอนแรกไม่เชิงห้าม แต่แข็ง ไม่ยอม

ทำยังไงถึงชนะใจ?
ป๊อป : ต้องใช้เวลาเหมือนกันครบ ต้องขับรถให้ ทานอะไรก็จะพาแม่ไปทาน เอาใจขนาดนั้นเลยครับ

เอก : ป๊อปเขาถ่อมตัว เขาพยายามให้แม่พี่เห็นว่าเขาอยู่ด้วยแล้วพี่มีความสุข แต่เราก็มีความสุขซึ่งกันและกัน ถ้าอยากชนะใจบ้านไหนลูกเขาต้องมีความสุข ถ้ามีตรงนั้นเขาจะยอมรับได้หมด ตามประสบการณ์

ยุคพี่เอก การเป็น LGBTQ มันยากมากที่ครอบครัวจะยอมรับ ยิ่งพี่เอกมีฐานะทางสังคม แบกรับไว้หนักอึ้งมากๆ ตอนนั้นมีผลอะไรกับภาระทางใจเราบ้าง?
เอก : จริงๆ ก่อนหน้านั้นอีก ตำแหน่งการเมืองตำแหน่งแรกคือโฆษกรัฐบาล โฆษกประจำสำนักรัฐมนตรี คบกันแล้ว แล้วเขาก็เริ่มรู้แล้ว แต่สุดท้ายตัดสินใจโทรไปปรึกษาเขา อยู่บนรถเมล์ มีมือถือใหม่ๆ ถามเขาว่าพี่จะเป็นโฆษกรัฐบาล จะยังไงหรือเปล่า

ป๊อป : ตอนนั้นไม่รู้จะตัดสินใจยังไง โหนรถเมล์นะครับ (หัวเราะ) ก็บอกว่าเป็นประโยชน์เพื่อประชาชนก็เป็นครับ

ภาระทางสังคมหนักอึ้ง มีการเหยียดเพศ โดนด้วยมั้ย?
เอก : มากครับ สมัยนั้นทางการเมืองเอามาด้อยค่า โจมตี เขาจะไม่บอกว่าเป็นเกย์ไม่ดี เป็นเกย์ผิด พวกนี้จะเก่งจะบอกว่าจักรภพเหรอ อ่อนไหวเกินไป

คนรอบข้างทราบมั้ย?
เอก : จริงๆ ของแบบนี้ปิดกันไม่มิด มันรู้ ยิ่งวงการเมือง ผู้ชายชอบโชว์แมน เขาก็จะต้องโชว์ผู้หญิง โชว์แฟน เมื่อเราไม่มี เขาก็เอ๊ะ ผิดปกติหรือเปล่า เขารู้ แต่อาจไม่พูด

เส้นทางความรักจุดเริ่มต้นมาจากเป็นแฟนคลับ ไปซื้อหนังสือแล้วให้พี่เอกเซ็น?
ป๊อป : ตอนนั้นจักรภพเขียนหนังสือขอบฟ้าที่ตาเห็น เป็นการเล่าเรื่องการท่องเที่ยวต่างประเทศ เราก็เลยซื้อมาอ่าน พอดีมีงานที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ตอนนั้นทำงานอยู่ที่นั่นก็เลยลงไปขอลายเซ็น ให้เขียนให้ที่หน้าปก ก็ไปต่อแถว ขอลายเซ็น บอกว่าชอบอ่านมากเล่มนี้

ปิ๊งเลยมั้ย?
ป๊อป : ตอนนั้นก็เริ่มชอบ

เอก : พี่ว่าพี่ปิ๊ง พี่ว่าตาเขาสวย แต่ไม่รู้ว่าความรู้สึกคืออะไร คิดว่าชอบเขา แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ ตอนนั้นก็เหมือนทุกคน ถึงรู้ว่าชอบแต่ไม่รู้ว่าชอบแบบไหน ชอบคนอายุเท่ากัน ชอบเด็กอายุน้อยกว่า ยังไม่แน่ใจ

ปิ๊งตั้งแต่วันเขามาเซ็นหนังสือ?
เอก : ก็ชอบเลย แต่ไม่ได้ให้หนังสือฟรีนะ ยังขายให้เขา (หัวเราะ)

จากแววตาคู่นั้น ใครขอเบอร์ใคร?
ป๊อป : รู้สึกคุณจักรภพให้นามบัตรครับ

เอก : บอกว่าอยากชวนมาช่วยทำงาน สรุปเอาเองแล้วกัน ว่ามีแผนในใจหรือเปล่า (หัวเราะ) รู้ว่าเขาคล่องดี เขาหน้าตาแบบนี้ ก็เชิญมา

ป๊อป : ตอนนั้นไปกับเพื่อน เพื่อนก็แซวว่าให้นามบัตรด้วย เธอต้องโทรไปนะ

ตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีหรือยัง?
เอก : ยังครับ ตอนนั้นเป็นสื่อ อีกไม่นานก็เข้าเป็นโฆษกรัฐบาล กำลังข้ามระหว่างสื่อกับการเมือง

จากนามบัตร ติดต่อยังไง?
ป๊อป : อีกสักพักนึงถึงโทรไปบอกว่ายินดีจะไปช่วยงาน แล้วก็นัดเจอกันกินข้าว

เอก : ตอนนั้นเป็นบริษัทผลิตรายการข่าวสารคดี ก็ให้มาช่วย

พอได้กินข้าว ได้เจอกัน ความรู้สึกเริ่มชัดเจนขึ้นมั้ย?
เอก : สำหรับพี่ชัดเจนขึ้น เราอยากให้เขาตามไปนั่นนี่ มันเริ่มมากขึ้น

ป๊อป : ตอนนั้นก็เริ่มชวนไปงานสำคัญ ไปดูการทำงาน และให้ประสบการณ์ งานพระราชพิธี

ก่อนเจอพี่ป๊อป พี่เอกเคยมีแฟนมาก่อนมั้ย?
เอก : มี เคยมีแฟนทั้งผู้ชายและผู้หญิงมาก่อน อายุไม่น้อยแล้วตอนนั้น 30 กว่าแล้ว มีตั้งแต่เรียนหนังสือ

เจอพี่ป๊อป รู้สึกว่าคนนี้แหละที่มั่นใจ?
เอก : มันทำให้เราไม่มั่นใจ เพราะผู้หญิงที่เราคบเราก็รัก ผู้ชายที่เราคบเราก็รัก เราก็ถามตัวเองว่าเอ๊ะมันเป็นยังไง แบบนี้เขาเรียกว่าไบหรือเปล่า ชอบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จนตอนหลังเราบอกตัวเองว่ามันไม่น่าใช่ มันไม่ 50-50 มันไปทางผู้ชายมากกว่า เราเลยเรียกตัวเองว่าเกย์ ทั้งที่ไม่ได้บอกใคร บอกกับตัวเอง ป๊อปไม่ได้เผชิญปัญหารอบข้างอย่างเดียว เผชิญความไม่แน่ใจของพี่ด้วย กว่าจะคบเป็นแฟนพี่ต้องมั่นใจ ถึงจะเริ่ม

คบกัน 8 ปี เหมือนแฮปปี้ แต่อยู่ๆ มีเหตุการณ์ทำให้ห่างแบบไม่ได้ร่ำลา?
ป๊อป : มันคือวิกฤตทางการเมือง

เอก : พี่ต้องออกนอกประเทศแบบกะทันหัน ก็รู้อยู่ว่าสงสัยอยู่ไม่ไหวแล้ว แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ เราก็หลอกตัวเองนิดๆ ว่าคงไม่ เดี๋ยวดีขึ้น แต่พอมันเกิดปั๊บ มีเวลาตัดสินใจไม่ถึงครึ่งชม. เพราะการออกไปแบบนี้ต้องมีวิธี ต้องมีช่องไฟ ไม่มีเวลามานั่งระบายความรู้สึก ก็บอกว่าพี่ต้องไปแล้ว พี่ขับรถมากับเขา แล้วต้องขึ้นรถอีกคัน ก็บอกว่าฝากรถกลับด้วย จำได้เลยว่าพอพูดคำนั้นขึ้นมา ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเราจะต้องแยกกัน สุดท้ายพี่ขึ้นรถตู้ เขาขับตามรถตู้ แล้วก็โบกมือลากัน พอเลี้ยวจากกันก็ฉีกออกจากกัน

ตอนนั้นเป็นไง?
ป๊อป : ร้องไห้ กลับมาตั้งหลักที่จะอดทน รอเวลาเจอกันครับ

คิดว่าการจากกันครั้งนั้น ไม่น่ายาวนานอะไรมาก?
เอก : สุดท้าย 15 ปี แต่ในวันที่ลา นึกว่า 1 ปี 2 ปี เดี๋ยวก็เจอกัน มันก็ทนไหว ถ้ารู้ว่า 15 ปี ตอนนั้นคงแย่

รักแบบระยะไกล ทำได้ไง เห็นว่ามีข้อตกลงซึ่งกันและกัน?
ป๊อป : บอกเลยว่าถ้ามีแฟนหรือมีใครมาอยู่ด้วยให้มาบอกกัน แต่อย่าทำให้เขาเสียใจ

เอก : มันไม่แฟร์ต่อเขา ที่จะให้คอยไปไม่รู้เท่าไหร่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผู้หญิงหรือผู้ชาย เราไม่ควรให้ใครรอทั้งนั้น พี่เลยเปิดทางตรงนี้ ทั้งที่กลัวเขาจะเลือกทางนั้น แต่ตัวช่วยคือตอนนั้นเริ่มมีโซเชียลมีเดีย มีสไกป์ ก็ช่วยได้ วันนั้นเห็นหน้าครั้งแรกหลัง 3 เดือน พี่พูดไม่ออกเลย มันเป็นเรื่องใหม่ ส่วนการสัญญา สัญญาเพราะเราคิดถึงเขา ไม่ได้คิดจะทดสอบทั้งนั้น หากมีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน คงได้มาไกลมั้ง ตอนนั้นไม่ได้คิดว่า 15 ปี ถ้ารู้ว่า 15 ปีคิดว่าคงไม่รอด ตอนนั้นพี่บอกเขาตรงๆ ว่าจากนี้สัญญาอะไรไม่ได้แล้วนะ สัญญาไม่ได้ว่าจะอยู่ด้วยกัน แต่สัญญาว่าจะรัก ฉะนั้นเขามีสิทธิ์เลือกทางอื่น แต่เขาไม่เคยปฏิเสธ ใช้การกระทำของเขาเรื่อยมาจนถึงวันนี้ เรื่องนี้อ่อนไหวเกินไปที่จะมาพูดถึงบ่อยๆ

ไม่ได้สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ แต่สัญญาว่าจะรัก 15 ปีทางไกล ทำไมยังตั้งตารอ?
ป๊อป : น่าจะเป็นความรักที่ยาวนานและเป็นรักที่ทรหด ไม่เหมือนความรักปั๊ปปี้เลิฟ เป็นความรักที่ต่างชนชั้นและเป็นความรักที่เสียสละ

ทำไมไม่ว่อกแว่ก?
ป๊อป : น่าจะเห็นใจเขาครับ ที่ต้องลี้ภัยด้วย และต้องดูแลตัวเองยังไง

15 ปี มีโอกาสได้เจอกันมั้ย?
ป๊อป : เจอครับ มีโอกาสไปหากัน

เอก : พี่อยู่หลายประเทศ บางประเทศก็ง่ายที่จะไปเจอ บางประเทศก็ยาก แต่ยุคนั้นต้องวางแผนให้ดี เพราะมีอันตรายทั้งต่อเขาและต่อเรา บางประเทศก็ไม่ไปเลย

ห่างกัน 3 เดือนแรกถึงได้เห็นหน้าครั้งแรกด้วยการสไกป์?
เอก : พี่ยกมือไหว้สไกป์เลย (หัวเราะ) 3 เดือนติดต่อกันไม่ได้ เขาก็ไม่รู้เราเป็นยังไง เราก็ไม่รู้เขาเป็นยังไง เพราะติดต่อกันไม่ได้

ป๊อป : อีก 3 เดือนถึงได้เจอกัน
เอก : ครึ่งปี สำหรับการคอยนับ มันนาน (หัวเราะ)

หลายคู่รอคอยการสมรสเท่าเทียม คู่นี้ก็รอเหมือนกัน ตอนนี้ผ่านแล้ว สามารถแต่งงานจดทะเบียนได้ วางแผนแต่งงานเมื่อไหร่?

เอก : เร็วเท่าที่จะเร็วได้ครับ

ป๊อป : แพลนก็ต้องเป็นเจ้าบ่าวตัดสินใจ (หัวเราะ)

เอก : ตอนนี้ยุ่งงานนิดหน่อย พอเคลียร์งานปั๊บก็จดทะเบียนทันที ไม่มีอะไรก็เดินไปจดทะเบียนตามกฎหมาย

จะจัดงานแต่งอย่างอลังการ?
เอก : (หัวเราะ) อันนี้มีคนพูดแทนให้ ก็ไม่ได้คิดเลยครับแต่อยากให้มีเพื่อนมาเยอะๆ อลังการหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่อยากให้มาเยอะๆ

ทำไมถึงให้ความสำคัญเรื่องการแต่งงาน หรือเท่าเทียมกัน?
ป๊อป : เห็นว่าเยาวชนหรือคนรุ่นใหม่ โดนเหลื่อมล้ำทางเพศเยอะ โดนบูลลี่ โดยเหยียด ทั้งจากที่บ้าน ครอบครัว และสถานศึกษา อยากให้ในอนาคต ให้เขามีที่ยืนครับ

เอก : พี่มีภาพอยู่ในใจอันนึง คือภาพของเกย์หรือตุ๊ด หรือกะเทย ที่ต้องทำตัวเป็นตัวตลกประจำกลุ่มให้เขายอมรับ สุดท้ายชีวิตต้องอยู่ตัวคนเดียวตอนแก่ ไม่อยากให้เขาเป็นแบบนั้น อยากให้มีทางเลือกมากกว่านั้น แต่ถ้าใครจะเลือกแบบนั้นเราก็ไม่ได้ว่าอะไร

เห็นว่าคำว่า LGBTQ จะเปลี่ยนไป?
เอก : เขามีการเสนอออกมา และประชาคมทั่วโลกเขายอมรับ ว่า LGBTQ คำว่า Q มาจาก เควียร์ มีความหมายว่าตัวประหลาด มันมีความหมายลบอยู่ในนั้น เขาเลยเสนอคำว่า I หรืออินเตอร์เซ็กส์ คือคำว่าระหว่างเพศเข้ามาแทน

อยากให้บอกความในใจกัน?
เอก : ความรักมีจริง คนที่เลิกเชื่อไปแล้วก็เชื่อได้ แต่ความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างพี่ไม่รู้หรอกว่าจะมาถึงวันนี้ ความอดทนเป็นกาวใจใหญ่ที่สุด เพราะเรามาจากคนละพ่อละแม่ อยากให้เขาเป็นแบบที่เป็นนี่แหละ และแก่ไปด้วยกัน

ป๊อป : ความรักคือการแบ่งปัน เสียสละซึ่งกันและกัน มีอะไรต้องคุยกัน ถ้ามีปัญหาที่แก้ไม่ได้ ขอให้อดทน และมองไปข้างหน้า แบ่งปันให้กับสังคม อยากบอกว่าถึงอายุมาก ก็อยากให้รักษาสุขภาพ เป็นตัวอย่างให้คนอื่นด้วยครับ (ผลัดกันจุ๊บโชว์)

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama