เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ 5 ก.ค. เวลา 15.25 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ กก.สส.3 สืบนครบาล จับกุมตัวนายอนุชา หรือโด้ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ 384/2567 ลงวันที่ 3 ก.ค. 67 ข้อหา “สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอันเป็นความผิดฐานซ่องโจร, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว, พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน, ทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในทางสาธารณะ, ชักหรือแสดงอาวุธในการวิวาทต่อสู้” โดยจับกุมตัวได้ที่ บริเวณภายในซอยเทพารักษ์ 18 ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
การจับกุมครั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 67 เวลา 03.00 น. บริเวณสามแยกไฟแดงลาซาล-แบริ่ง (ตัดใหม่) แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพ เกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์ยกพวกไล่ยิงคู่อริ โดยขับขี่รถจยย. ไล่ล่า ก่อนจอดรถ ตั้งป้อมและใช้อาวุธปืน ยิงไปที่รถยนต์ เป็นเหตุให้นายเจษฎา ที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ เสียชีวิตที่ รพ.ในเวลาต่อมา หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนนครบาลนำกำลังพยัคฆ์ร้ายเทพนคร, กก.สส.บก.น.5 และ สน.บางนา กว่า 100 นาย เปิดปฏิบัติการ “โค่นอิทธิพลเถื่อนด่านสำโรง” นำหมายค้นศาลบุกทลาย “เซฟเฮาส์” แหล่งกบดาน 5 จุด ตรวจยึดอาวุธปืน 38 กระบอก กระสุนกว่า 800 นัด พร้อมยุทธภัณฑ์จำนวนมาก จากนั้นได้ขยายผลจนสามารถพิสูจน์ทราบตัวนายอนุชา หรือโด้ อายุ 35 ปี ร่วมก่อเหตุด้วย
กระทั่งวานนี้ (5 ก.ค. 67) เวลาประมาณ 15.25 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้นำกำลังออกติดตามไล่ล่ากระทั่งสามารถรวบตัว “นายอนุชา หรือโด้ ไว้ได้
สอบสวน นายอนุชา หรือโด้ ฯ เบื้องต้น ได้ความว่า เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 01.00 น. ก่อนเกิดเหตุนั้น นายอนุชา กำลังพักผ่อนหลังจากเลิกงานอยู่ที่บ้านภายในหมู่บ้าน ถ.เทพารักษ์ ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายบัง ใช้เฟซบุ๊ก โทรมาหา นายอนุชา บอกประมาณว่า “มีเรื่องแล้ว มาหาหน่อย” นายอนุชา จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ออกจากบ้านมุ่งหน้าไปที่เซเว่นบริเวณกลางซอยวัดด่าน ซึ่งเป็นบริเวณที่ปกติแล้วนายบัง จะไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ บริเวณดังกล่าว
แต่เมื่อไปถึงปรากฏว่าไม่พบใครอยู่ และต่อมานายบังได้โทรมาหานายอนุชา อีกครั้งถามว่า “ถึงไหนแล้ว” นายอนุชา จึงบอกว่า “อยู่ร้านสะดวกซื้อแล้ว ไม่เห็นมีใครเลย” นายบังจึงบอกว่า “ให้มาหาที่โรงงาน” ซึ่งโรงงานคือเป็นที่รู้กันว่าเป็นร้านทำรถที่กลุ่มของนายบังมักไปรวมตัวกัน นายอนุชาจึงได้ขับรถไปที่ดังกล่าว เมื่อไปถึงก็ได้เข้าไปนั่งพูดกับนายบังและนายออม จากนั้น ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น แล้วคนที่อยู่ในโรงงานก็ทยอยขับรถจักรยานยนต์ออกจากโรงงานไป นายบังบอกให้นายอนุชาไปด้วย นายอนุชา จึงได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของนายบังไป จนถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ได้มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด นายอนุชา จึงบอกนายบังว่าอย่าเข้าไปใกล้ จากนั้น นายบังก็ขับรถตามกลุ่มไป แต่ไม่ได้เข้าไปใกล้ และขับกลับมาที่โรงงาน จากนั้น นายอนุชาได้เอาหมวกแก็ปสีเหลืองคืนให้นายบังไป แล้วได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ กลับบ้านไป