การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ครั้งนี้ กำลังถูกจับตามองว่าจะมีอะไรแปลกใหม่ หรือไม่ เพราะเป็นการโยกย้ายใหญ่ ครั้งแรกในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในยุคนายกรัฐมนตรีพลเรือน และ รมว. กลาโหมพลเรือน

โดยเฉพาะในยุคของ สุทิน คลังแสง ที่มีการ ปฏิรูปกองทัพแบบละมุนละม่อม ในช่วงเกือบหนึ่งปีของการนั่งเก้าอี้ “สนามไชย 1”

ที่น่าจับตามองคือความสัมพันธ์อันดีของ สุทิน กับผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยเฉพาะเตรียมทหารรุ่น 24 ทั้ง “บิ๊กหนุ่ม”พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ทำงานใกล้ชิดและเจอหน้ากันเกือบทุกวัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โดยเฉพาะ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่ สุทิน ชื่นชมในความสามารถและแนวคิดของการเป็นทหารยุคใหม่ โดยมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ในหลายๆด้าน รวมถึงการปฏิรูประบบการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์แบบรวมกัน ที่ให้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ “บิ๊กอั๋น” พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษา รมว. กลาโหม และ “บิ๊กไก่” พล.อ.อ. พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. โดยผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง 3 คนยังมีอายุราชการถึงตุลาคม 2568

ความสัมพันธ์อันดีนี้ สะท้อนออกมาจากการจัดโผโยกย้ายชั้นนายพลกลางปี เมื่อเมษายน 2567 ที่ผ่านมาที่ สุทิน สละโควตาและตำแหน่งให้นายทหารเตรียมทหารรุ่น 24 ได้เลื่อนยศได้เลื่อนตำแหน่งชั้นนายพล ก่อนที่จะเกษียณราชการเฉพาะ ในกลาโหม มากกว่า 30 นาย

หากมองเชื่อมโยงไปถึงการแต่งตั้งโยกย้ายที่กำลังพิจารณาอยู่ในช่วงนี้เตรียมทหารรุ่น 24 จึงถูกจับตามองอย่างมากเพราะตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมปี 25551 ซึ่งกำหนดให้มีคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหมหรือที่เรียกกันว่าบอร์ด7เสือกลาโหมนั้น เปิดช่องให้มีการลงคะแนนการโหวต ได้ ก็จะทำให้เตรียมทหารรุ่น 24 มีถึง 3 เสียง หรือเรียกได้ว่าครึ่งหนึ่งของบอร์ด7 เสือกลาโหม ยิ่งในยุคปัจจุบันที่ไม่มี  รัฐมนตรีช่วยกลาโหมจะมีแค่ 6 เสือ กลาโหม ก็ถือว่าได้เปรียบ ตาม พรบ.กลาโหม  หาก เสียงเท่ากัน  ให้อำนาจ รมว.กลาโหม ในฐานะ ประธานบอร์ด  สามารถ โหวตชี้ขาด ได้อีกเสียงหนึ่ง เพื่อตัดสิน

ยิ่งในครั้งนี้มีการชิงเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบก กันอย่างเข้มข้นระหว่าง “บิ๊กหนุ่ย” พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ผู้ช่วย ผบ.ทบ.แกนนำเตรียมทหารรุ่น 24 สายบูรพาพยัคฆ์คอแดง และ “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสนาธิการทหารบก จากเตรียมทหารรุ่น 26 สายวงศ์เทวัญคอแดง

แต่หากพิจารณาไปที่ “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์  ผบ.ทบ. ที่กำลังจะเกษียณ  ก็ถูกมองว่า มีแนวโน้ม ที่จะสนับสนุน ให้ พล.อ. ธราพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. มากกว่า พล.อ.พนา  โดยมีการมองไปที่  สายสัมพันธ์ กับ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์  จิตต์แก้วแท้ อดีตผบ.ทบ.  ที่อาจไม่แนบแน่นนัก และเป็นที่รู้กันว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ เป็นหนึ่งในกองหนุน ของ พล.อ.พนา ที่เติบโตมาจาก ร.31 รอ. มาด้วยกัน  นอกเหนือจาก “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์  คงสมพงษ์  อดีตผบ.ทบ. ที่ลดบทบาทตัวเองลง  จาก เอฟเฟค เรื่อง “ดีลลังกาวี”

ดูภาพรวม เหมือน พลังหนุนของ พล.อ.พนา จะแผ่วลงไป ก็ตาม แต่ กองเชียร์ ตท.26 ยังมั่นใจในตัว พล.อ.พนา ที่มาอยู่ในจุดนี้ จาก ผบ.พล.ร.11 รองแม่ทัพภาค 1 ที่ถูกจิ้ม ให้ไปฝึกหลักสูตร ทหารคอแดงแล้ว ฟาสต์แทรค ขึ้น แม่ทัพภาค1 ตัดหน้า  พล.อ.ธราพงษ์ ที่ตอนนั้น เป็น แม่ทัพน้อย 1 จ่อขึ้น แม่ทัพภาค 1 อยู่แต่ก็ถูกปาดหน้า

ดังนั้น พลังของ พล.อ.พนา ในฐานะ ลูกชาย พล.อ.ปรีชา แคล้วปลอดทุกข์ นายทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เก่าแก่ และ นายทหารราชองครักษ์  ก็ยังเป็น ความได้เปรียบของ พล.อ. พนา จึงทำให้มีการคาดหมายกันว่า พลังของ ตท.24 ที่สะท้อนถึง ความรักใคร่กลมเกลียว ช่วยเหลือเพื่อนๆ มาตลอด ทำ ให้ถูกจับตา มองว่า ตท.24 จะพยายาม ผลักดันเพื่อนร่วมรุ่นคนใดคนหนึ่งที่มี 3 คน ให้เป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป

ในจำนวนนี้มี พล.อ.ธราพงษ์ ที่เป็นนายทหารคอแดงอยู่แล้ว และเป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทบ. ของ ตท.24 และ “บิ๊กหยอย” พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์  ผช.ผบ.ทบ.  สายคอเขียว และ “บิ๊กต้น” พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. สายรบพิเศษคอเขียว

แต่ พล.อ.ธราพงษ์  ถือเป็นแคนดิเดทที่ สตรอง ที่สุดใน แคนดิเดท 3 คน ของ ตท.24  เพราะ เติบโตมาในสายคอมแมนด์ จากกองพลบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ.  ผู้พัน ผู้การกรม และ ผบ.พล.ร.2 รอ. เป็นแม่ทัพน้อย 1 ที่รุ่นส่งเข้าประกวด  แม้จะไม่ได้เป็น แม่ทัพภาค1 ก็ตาม  แต่ใช่ว่า แม่ทัพภาค1 ทุกคนจะต้องได้เป็น ผบ.ทบ.

ดังนั้น การโหวต อาจเป็นทางออก ที่เป็นไปได้ พรบ.กลาโหม  ไม่ใช่ว่าไม่เคยมี เพราะในสมัยที่ “บิ๊กโอ๋” พล.อ.อ. สุกำพล  สุวรรณทัต เป็น รมว.กลาโหม ก็เคยมีการเสนอโหวต การตั้ง ปลัดกลาโหมหลังจากที่เจรจา กับ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์   ปลัดกห. เวลานั้น  ไม่ลงตัว ไม่สามารถตกลงกันได้

แม้ว่า โดยธรรมเนียมทหาร แล้ว ผบ.เหล่าทัพ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการแต่งตั้ง ผบ.เหล่าทัพ อื่น  แต่ เพราะพลังของ ตท.24  ที่ พล.อ.สนิธชนก ใกล้ชิด สุทิน  ส่วน พล.อ.ทรงวิทย์ ก็สนิทสนมใกล้ชิดกับ เศรษฐา อย่างมาก

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าก่อนหน้านี้ สุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางในการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ว่า จะไม่ยึดระบบรุ่น จะไม่ทำให้ระบบรุ่น ทำให้ กองทัพขาด ศักยภาพ

อาจเพราะเกรงว่า หาก ผบเหล่าทัพ  รุ่นเดียวกันหมด จะ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงในการทำรัฐประหารได้สูงเหมือนในอดีตในสมัย จปร. 5 แต่ก็ไม่เสมอไป ยิ่งในยุคนี้เป็นที่รู้กันการปฏิวัติและเกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะ ตท.24 ยังหวัง จาก เก้าอี้  ผบ.ทร. ได้อีก เพราะมี “เสธ.น้อย” พล.ร.อ.วรวุธ  พฤกษารุ่งเรือง  เสธ.ทร.  แกนนำ ตท.24 ที่มีโอกาสสูง ที่จะเป็น ผบ.ทร. คนต่อไป  

ดังนั้น โฟกัส ของ ตท.24  จะพุ่งไปที่เก้าอี้ ทบ.1  ที่ถือเป็นเหล่าทัพ หลัก ที่ใหญ่สุด  และมีพลังอำนาจแฝง ทางการเมืองไทยมากที่สุด ยังมีเวลาวัดพลัง ต่อสู้กัน อีกประมาณ 1 เดือน โดยตามไทม์ไลน์ จะต้อง ส่งโผ และ จบใน 15 สค. นี้