วันที่ 5 ก.ค.2567 เวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีผู้แอบอ้างทำบัตรเข้าออกทำเนียบรัฐบาล โดยอ้างชื่อนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้นายสมคิดได้ให้สัมภาษณ์อย่างครบถ้วน ชัดเจน และการไปแจ้งความเพื่อใช้เป็นช่องทางในการแสวงหาข้อเท็จจริง ส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องในการหลอกลวงที่มีการอ้างบุคคลอื่น ตนคิดว่านายสมคิดที่ไปแจ้งความไว้ คดีคงจะเดินหน้า รวมถึงกรณีของผู้เสียหายหรือคิดว่าตัวเองเสียหายก็สามารถเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิจารณาไต่สวนได้ แต่ในส่วนของสภาฯ ที่มีข่าวการแต่งตั้งบุคคลภายนอกและเรียกรับผลประโชยน์

"ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นความเข้าใจผิด ระหว่างผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้ซื้อและอ้างว่าเป็นผู้ขาย รวมถึงผู้ที่อ้างว่าเป็นตัวกลางหรือเป็นนายหน้า ข้อเท็จจริงคือตำแหน่งเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญคือตั้งมาเพื่อทำงานในกรรมาธิการ ฉะนั้นตั้งแล้วต้องมาทำงาน และตั้งคนที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องนั้นๆ ซึ่งเปิดช่องทางให้ตั้งบุคคลภายนอกได้ ส่วนเป็นการแสวงหาประโยชน์หรือเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ ผมเชื่อว่าเมื่อเรื่องเป็นคดีความแล้ว ก็จะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล ข้อเท็จจริงก็จะปรากฏว่าใครกันแน่ที่เป็นคนแอบอ้าง หรือกระบวนการดังกล่าวมีใครบ้าง"นายอนุสรณ์ กล่าว

เมื่อถามว่า คนที่ถูกแอบอ้างคือ  น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อ เป็นหนึ่ง มีความเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยมาก่อนหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่เท่าที่ติดตามสิ่งที่นายสมคิดให้สัมภาษณ์ไปนั้น คือบุคคลที่ถูกกล่าวหาก่อนหน้านี้มาในรูปแบบของคนที่ทำงานภาคประชาชน อาจจะให้ความเห็นในเรื่องสังคม เศรษฐกิจ การเมือง แล้วจึงไปจัดรายการทางโซเชียล จึงทำให้คนที่ได้รับความเดือดร้อนหรือผู้ที่ต้องการช่วยเหลือก็เข้าหาผู้ที่ถูกกล่าวหานี้

"แต่ขอเรียนว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใด หรือคนไหน ตนคิดว่าเมื่อเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลแล้ว ความจริงก็จะปรากฏต่อไป"นายอนุสรณ์ กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าที่ผ่านมามีการแอบอ้างพรรคเพื่อไทยแบบนี้หรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนอยู่ในพรรคเพื่อไทยมา ไม่เคยได้ยินกรณีแบบนี้  อย่างที่ตนเรียนแล้วว่าคนที่ไปแอบอ้างว่ามีตำแหน่งนี้พร้อมจะขาย และคนบอกว่าจะไปซื้อหรือคนที่แอบอ้างว่าเป็นนายหน้าล้วนเกิดจากความไม่เข้าใจ ฉะนั้น เมื่อไม่เข้าใจจะใช้คำว่าหลอกลวงหรือเข้าใจผิดต่อกันก็เป็นสิทธิ์ที่จะใช้ได้ แต่ขอย้ำว่าเจตนารมณ์หลักๆของการตั้งเลขานุการคณะกรรมาธิการคือ เพื่อมาช่วยทำงาน ช่วยประธานและกรรมาธิการ ในการที่จะทำงานร่วมกัน และเชื่อว่าเรื่องนี้ในวิกฤติเป็นโอกาสที่ะเป็นช่องทางในการหาข้อเท็จจริงต่อไป ว่าที่กล่าวหากันไปมาแท้จริงแล้วข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องซื้อขายวุฒิการศึกษานั้นทางสถาบันการศึกษาที่ถูกพาดพิงได้ออกมาชี้แจงแล้ว และถ้าเป็นคดีตนคิดว่าเรื่องเหล่านี้ก็สามารถแสวงหาข้อเท็จจริงได้ไม่ยาก และวันนี้สังคมเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายได้ออกมาชี้แจงผ่านโซเชียลได้อยู่แล้ว ซึ่งโดยหลักการการขายวุฒิการศึกษาไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง และหากมีการแฉหรือมีแชทหลุดอีก คนที่เกี่ยวข้องก็สามารถชี้แจงได้