วันที่ 5 ก.ค. 67 เวลา 09.00 น.นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เดินทางมาที่ศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อมาตามนัดศาลนัดพิจารณาคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้ฟ้องในคดีข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เป็นของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 2 คดี

โดยนายอัจฉริยะ ระบุว่า ตามข้อตกลงกันในวันนี้จะมีการตกลงในเรื่องของการถอนฟ้องคดี ซึ่งตนไม่ทราบว่าทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในวันนี้มีการตกลงในเรื่องของการถอนฟ้องคดีซึ่งตนไม่ทราบว่าทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะถอนจริงตามที่ได้ตกลงกันหรือไม่ แต่ทางเราก็พร้อมที่จะขึ้นศาลสืบพยานกันในวันนี้หากว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และในวันนี้ไม่สามารถที่จะเลื่อนนัดกันได้ทั้งสองฝั่งเพราะมีการเลื่อนนัดมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงก่อนหน้านี้มีการดิลรับข้อตกลงกันบางเรื่องที่จะมีการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 

ส่วนเป็นการช่วยเหลือหรือมีข้อตกลงในเรื่องอะไรนั้นนายอัจฉริยะ ระบุว่า ทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะให้ตนเป็นตัวกลางในการประสานงานกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. แต่ทางตนก็ไม่สามารถที่จะช่วยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ทุกเรื่อง เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคน ต้องคุยกันเอง ตนไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงได้ เพราะวันที่มีการรับมอบอำนาจมาตนได้ถือว่าเป็นการสิ้นสุดอำนาจหน้าที่ไปแล้ว ดังนั้นตนก็ได้บอกกับทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปแล้วด้วยว่าไม่สามารถที่จะช่วยเหลือได้ ทางตนก็ทำหน้าที่ได้แค่นี้ อีกทั้งได้บอกกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่าการที่ออกมาฟ้องร้องใคร หรือมีการไปออกสื่อมันเป็นเรื่องที่ทำให้กระทบกับหลายฝ่าย เกรงว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะได้รับผลกระทบ 

ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ยืนยันว่าหากทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปลี่ยนใจไม่ถอนฟ้อง ตนก็พร้อมที่จะขึ้นศาลสืบพยานและก็มั่นใจว่าสิ่งที่ตนได้ทำไป ไม่ได้เป็นการใส่ร้ายใส่ความใคร 

อีกทั้งผู้สื่อข่าวได้อถามอีกว่าการที่ให้นายอัจฉริยะติดต่อทางพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้นั้น เพราะทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่สามารถติดต่อเองได้ใช่หรือไม่ นายอัจฉริยะ ระบุว่า ช่วงหลังพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไม่ค่อยรับโทรศัพท์ใคร และตนเองก็ไม่ได้ติดต่อพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มาเกือบ 2 เดือนแล้วด้วย รวมถึงเรื่องตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ตัดสินใจเอง เพราะเขาก็เป็นผู้ใหญ่ ตนก็ไม่อยากไปก้าวล่วงการตัดสินใจในสิ่งพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กำลังเผชิญอยู่