"สมคิด"ไม่หวั่นฝ่ายค้านเปิดซักฟอกถล่มรัฐบาล การันตีคนไทยได้ใช้เงินดิจิทัล 1 หมื่น ต.ค.นี้ "ชาดา" ยอมรับกลางสภา "นายกฯ" สั่งแก้กม.ไฟเขียวต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี ลั่นยอมไม่ได้ต่างชาติครองประเทศ ด้านเทพไท แนะ เพื่อไทย แสดงสปิริต ให้ ชาญ ลาออก กอบกู้ศรัทธา เลือกตั้งนายกอบจ.ใหม่
เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2567 นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมขอเปิดอภิปรายการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนั้น ไม่มีปัญหา รัฐบาลเชื่อว่าสามารถตอบคำถามได้ รัฐบาลไม่ได้มีความกังวลใจ และสามารถชี้แจงได้อยู่แล้ว เพียงแต่ขอให้พรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายตามญัตติที่จะเสนอต่อรัฐบาล อย่าอภิปรายเลยกรอบที่ขอไว้ หากมีการอภิปรายเลยกรอบก็จะมีการประท้วงกันไปมาเกรงว่าจะเสียเวลาสภาเปล่าๆ ควรอยู่ในกรอบอย่าพูดไปเรื่อยไม่เกิดประโยชน์
ส่วนการพิจารณางบประมาณปี 2568 ที่กำลังพิจารณากันอยู่ ไม่น่ามีปัญหา แม้พรรคก้าวไกลจะพยายามตีรวนเกี่ยวกับงบประมาณในโครงการของรัฐบาลที่จะนำมาช่วยพี่น้องประชาชน พยายามที่จะหาเหตุโจมตีทุกโครงการ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ถูกโจมตีมากที่สุด อ้างไม่มีรายละเอียดโครงการ ต้องแขวนไว้ก่อน ไม่มีปัญหา ล่าสุดกระทรวงการคลังได้นำเสนอรายละเอียดแล้ว มั่นใจผ่านแน่ ทั้งนี้ภายในเดือนต.ค.นี้ประชาชนได้ใช้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตอย่างแน่นอน
ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ที่ประชุมได้พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจาเรื่องมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตรการช่วยอสังหาริมทรัพย์ระบายสต็อกและการให้ต่างชาติถือครองคอนโดและที่ดิน โดย นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ถาม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า การเปิดโอกาสให้ต่างชาติถือกรรมสิทธิ์คอนโดจาก 49 เป็น 75 เปอร์เซ็นต์ และขายการถือครองที่ดินจาก 30 ปี เป็น 99 ปี ซึ่งเป็นประเด็นร้อนของสังคมกังวลมากเกี่ยวข้องกับอนาคตของประเทศไทย และคนไทยมากๆ ในฐานะที่นายกฯ เป็นผู้นำรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ และเป็นอดีตซีอีโอด้านอสังหาฯ แต่ไม่มาตอบกระทู้
ฉะนั้นจึงอยากถาม มติครม.เมื่อวันที่ 9 เม.ย.67 เห็นชอบตามที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับมหภาค ตลอดจนดึงดูดนักธุรกิจขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และมีปัจจัยอื่นที่จะส่งเสริมการเข้ามาทำงานให้มีศักยภาพ โดยให้กระทรวงมหาดไทยทบทวนการถือครองที่ดิน ให้แก้ไขกฎหมายอาคารชุดให้ต่างด้าวถือครองอสังหาริมทรัพย์ โดยขยายเวลาการถือครองสิทธิ หรือ เช่า แบบทรัพย์อิงสิทธิเป็นเวลา 99 ปี ซึ่งไม่ใช่สั่งการให้ศึกษา แสดงว่าเป็นการตั้งธงไว้อยู่แล้ว และต้องการช่วยบางอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ขายได้หรือไม่ และกรณีดังกล่าวนายเศรษฐาไม่ได้อยู่ในที่ประชุมครม. เพื่อเลี่ยงข้อครหาผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
นายศุภณัฐ กล่าวอีกว่า การเปิดให้ต่างชาติถือครองทรัพย์สิน ในรูปแบบทรัพย์อิงสิทธิ เท่ากับผู้เช่าเป็นเจ้าของที่ดินและสามารถนำไปลงทุนใดๆ ก็ได้รวมถึงโอนถ่ายเป็นมรดกได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อกรณีที่คนไทยที่ต้องการมีบ้านหรือถือครองสิทธิที่ดิน อย่างไรก็ดีเรื่องที่รัฐบาลเตรียมดำเนินการนั้น นายกฯ พร้อมจะอนุมัติเพราะก่อนหน้านี้เคยโพสต์ให้ความเห็นทางสนับสนุนอีกทั้งก่อนหน้านี้มีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เข้าพบ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อระบายอสังหาริมทรัพย์ที่เฟ้ออยู่ในปัจจุบัน
ด้าน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงว่า เป็นการสั่งการให้ศึกษาผลได้ ผลเสีย ผลกระทบ ยังไม่ได้ให้ทำทันที ซึ่งประเด็นทรัพย์อิงสิทธินั้น คือการเช่า ส่วนที่ให้เช่า 99 ปีนั้น ไม่ใช่การเช่าเกาะฮ่องกง ตนมองว่ากฎหมายเหล่านี้ตายตัวไม่ได้ ต้องปรับปรุงและแก้ไขได้ตามภาวะเศรษฐกิจที่บางครั้งต้องการเงินจากต่างชาติ ให้ต่างชาติมาลงทุน ยืนยันว่าการปรับปรุงกฎหมายต้องศึกษาผลดี ผลเสียให้รอบด้าน ซึ่งตนหารือกับกรมที่ดินว่าต้องทำให้ชัดเจนในเหตุผล ข้อดีอย่างไรถึงให้เพิ่มเป็น 75% ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และศึกษาการครอบครองประเภทไหน แบบไหนมากกว่า ทั้งนี้นายกฯ สั่งให้เร่งดำเนินการ
ผมเข้าใจเรื่องความเป็นห่วงที่ต่างชาติจะครอบครองสิทธิ 75% แต่ที่ผ่านมาเคยมีมาแล้ว แต่ครอบครองได้ 5 ปี แต่ขณะนี้ยกเลิกแล้ว เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ผมก็ไม่อยู่ เพราะลาไปฮัจญ์ ส่วนมติครม. ที่เกิดขึ้น จะอยู่หรือไม่อยู่ หากมีปัญหาโดนเหมือนกัน เป็นมติครม.จะลาหรือไม่ ก็โอเคแล้ว แต่ที่นายกฯ มอบหมายให้นายภูมิธรรมดำเนินการนั้น ผมไม่ทราบ ทั้งนี้คงไม่เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะออกหรือเสนอโดยใคร ย่อมหนีไม่พ้น แต่วันนั้นนายกฯคงติดภารกิจ และวันนั้นผมก็ไม่อยู่
นายชาดา กล่าวต่อว่า นายกฯ สั่งให้แก้ไข แต่ต้องศึกษาผลดีผลเสีย อีกทั้งต้องส่งให้สภาฯพิจารณาลงมติ การศึกษาไม่ใช่ยกที่ดินให้ใคร หากเป็นเช่นนั้นตนก็ไม่ยอม และไม่มีใครสั่งตนได้ มีการเสนอแก้ไขกฎหมายที่ดิน ส่วนของนิติบุคคล ตามที่พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยเสนอ ซึ่งตนให้ศึกษาทั้งหมด ผลการศึกษาต้องดูว่าสมควรทำหรือไม่ หากเป็นผลเสียจำนวนมาก นายกฯ คงไม่ฝืน แต่ตอนนี้เป็นคำสั่งให้แก้กฎหมาย เพื่อศึกษาวิเคราะห์ เรื่องนี้ต้องชี้แจงประชาชน นายกฯ มาบริหารบ้านเมือง แผ่นดินเป็นของคนไทยจะทำอะไรต้องถามประชาชน แต่คนที่เป็นบริหารต้องมีไอเดีย แนวคิดเพื่อให้เศรษฐกิจนำพาประเทศไปในทางที่ถูกที่ควร ดังนั้นไม่ต้องห่วง และต้องแยก มีวิธีคิดระหว่างเศรษฐกิจ ความมั่นคงชาติ และผลประโยชน์ของแผ่นดิน
วันเดียวกัน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก เทพไท คุยการเมือง ว่า ในตอนนี้มีการแสดงความเห็นกรณีการหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี ของนายชาญ พวงเพ็ชร์ กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นความเห็นที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือในส่วนของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการให้การหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับคำสั่งของศาล กับอีกส่วนหนึ่งที่เห็นพ้องกับความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้ยึดถือเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 เมื่อบุคคลใดที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูล และศาลประทับรับฟ้องแล้ว ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ
นายเทพไท ระบุอีกว่า การที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ยืนยันว่าจะยึดหลักกฎหมายตามคำแนะนำของคณะกรรมการกฤษฎีกา ถือเป็นความฉลาดของนายอนุทินที่เซฟตัวเองไว้ก่อน เพราะถ้ากระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว ฝ่ายนายชาญไม่พอใจ ก็สามารถฟ้องศาลเพื่อคุ้มครองสิทธิ์ได้ แต่ถ้าไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ อาจถูกฟ้องความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนพรรคเพื่อไทยคงจะดันทุรังต่อไปให้ถึงที่สุด โดยต้องการให้ปัญหาดังกล่าวยุติที่คำสั่งของศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งกว่าจะมีคำสั่งออกมาได้ อาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
เมื่อถึงตอนนั้น กกต.รับรองผลการเลือกตั้งให้นายชาญเป็นนายกอบจ.ปทุมธานีแล้ว และได้แต่งตั้งทีมบริหาร คือรองนายกอบจ. ที่ปรึกษานายกอบจ. และเลขานุการนายกอบจ. ครบทุกตำแหน่ง ถ้าถึงที่สุดแล้วโชคร้าย ศาลมีคำสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ ก็สามารถใช้รองนายกอบจ.เป็นผู้บริหารปฏิบัติหน้าที่แทนนายกอบจ. ยังดีกว่าให้ปลัดอบจ.ปทุมธานีเป็นผู้รักษาการ ซึ่งเป็นฝ่ายข้าราชการประจำ ไม่สามารถสนองนโยบายได้เหมือนกับรองนายกอบจ.ที่เป็นทีมงานเดียวกัน
เรื่องนี้เพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางการเมือง และเป็นการแสดงสปิริตทางการเมือง กอบกู้ศรัทธาของประชาชนต่อพรรคเพื่อไทยให้กลับคืนมาได้มีหนทางเดียว คือพรรคเพื่อไทยต้องออกมาขอโทษต่อประชาชน และให้ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ลาออกจากตำแหน่งนายกอบจ. เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวปทุมธานีตัดสินใจเลือกนายกอบจ.คนใหม่ แต่ถ้าฝืนดันทุรังและยืดเยื้อออกไปเช่นนี้ คดีทุจริตยังคงค้าง 2 คดี ยังไม่รู้ว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ หากศาลมีคำพิพากษาให้เป็นความผิด ก็จะพ้นจากตำแหน่งนายกอบจ. ยิ่งทำให้ประชาชนเสียโอกาสในการมีนายกอบจ.ที่เลือกเข้ามา การตัดสินใจคืนอำนาจให้ประชาชนเพื่อเลือกตั้งใหม่นายกอบจ.ใหม่อีกครั้ง จะเป็นความสง่างามทางการเมืองมากที่สุด