“นิกร”เผยกมธ.นิรโทษ เคาะ ตั้ง คกก.-แนวทางล้างผิด ให้หน่วยที่เกี่ยวข้องรับคำร้องและวินิจฉัย พร้อมเปิดช่องยื่นอุทธรณ์ ลุ้นเหมา ม.112 หรือไม่
เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 67 เวลา 15.30 น.ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาฯ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า มีประเด็นที่กรรมาธิการเห็นชอบร่วมกันที่จะใช้การนิรโทษกรรมรูปแบบผสมผสาน หรือการให้เป็นไปโดยอัตโนมัติ และมีคณะกรรมการกลั่นกรอง ภายใต้กระบวนการหาก ผู้มีสิทธิ์ตามกฏหมายประสงค์ใช้สิทธิ์ ให้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ และกรณีที่คดีอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ให้พนักงานหรือตำรวจยุตติการสอบสวน หากอยู่ในขั้นขั้นตอนพนักงานอัยการให้ถอนฟ้อง หากกรณีจำเลยถูกฝากขังในเรือนจำให้ศาลพิจารณาออกหมายปล่อย ส่วนกรณีที่คดีมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว หรือมีการจำขังไปแล้ว สามารถออกหมายให้กรมราชทัณฑ์ปล่อยตัวกรณีกรณีที่คดีสิ้นสุดและอยู่ระหว่างการคุมขัง ส่วนในกรณีที่คดีถึงที่สุด ผู้ที่เคยต้องคำพิพากษากระทำผิด ประสงค์จะขอลบล้างประวัติ ให้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อที่จะลบประวัติดังกล่าว และในหลักการให้กรรมการดำเนินการและทำรายงานเกี่ยวกับคดี เสนอกับกรรมการผู้พิจารณา หากกรรมการไม่มีความเห็นแย้ง ภายใน 15 วัน ก็สามารถออกหนังสือดำเนินการได้ นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์พิเศษสามารถยื่นคำร้องหากมีการตกหล่นสามารถยื่นดำเนินการได้
นายนิกร กล่าวว่า ยังเห็นชอบร่วมกันเรื่องขององค์ประกอบคณะกรรมการนิรโทษกรรม ประกอบด้วย 1. รัฐรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็น 2. ปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นรองประธานกรรมการ 3. กรรมการโดยตำแหน่ง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อัยการสูงสุด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ อธิบดีกรมบังคับคดี อธิบดีกรมคุมประพฤติ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง และนายกสภาทนายความ 4.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีความรู้ความสามารถความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ในด้านกฎหมาย ด้านสิทธิมนุษยชน ด้านกระบวนการยุติธรรม จำนวนด้านละ 1 คน เสนอชื่อมาจากคณะรัฐมนตรี 5. กรรมการผู้แทนองค์กรภาคประชาชนหรือภาคประชาสังคม ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เกี่ยวกับบริบททางการเมือง แก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและความปรองดองสมานฉันท์ กันเอง 3 คน ตามหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีกำหนด 6. อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิ์สิทธิและเสรีภาพแต่งตั้งข้าราชการของกรมกรมคุ้มครองสิทธิสิทธิและเสรีภาพจำนวนไม่เกิน 2 คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
นายนิกร กล่าวอีกว่า อำนาจของคณะกรรมการรัฐทศกรรมแบบผสมผสาน มีหน้าที่ดังนี้ 1. พิจารณาพิจารณาพิจารณารายงานคดีที่จะให้มีการนิรโทษกรรมที่หน่วยงานราชการในกระบวนการยุติธรรมตามข้อ 1 เสนอ หากมีความเห็นแย้งให้ตอบกลับหน่วยงานราชการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับรายงาน 2. พิจารณาอุทธรณ์กรณีผู้ใช้สิทธิ์ยื่นคำร้องต่อหน่วยงานราชการ แต่ได้รับการปฏิเสธไม่ดำเนินการ มีสิทธิ์ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการนิรโทษกรรมและให้มีผลผูกพันกับหน่วยงานราชการ 3. หยิบยกคดีคดีที่รับผลกระทบตามพระราชบัญญัตินี้แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้หยิบยกขึ้นพิจารณาเพื่อส่งให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งกรณีที่กรรมการเห็นเองหรือกรณีที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้เสียหายหรือผู้เกี่ยวข้องร้องขอ 4. พิจารณาชี้ขาดกรณีกรณีที่มีปัญหามาสู่คณะกรรมการว่าคดีใดได้รับสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้หรือไม่ จากการเสนอของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องผู้เสียหายและผู้เกี่ยวข้องรวมถึงกรณีกรณีที่คณะกรรมการพบเห็นเอง 5. จัดทำรายงานผลปฎิบัติหน้าที่ประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอรัฐสภารับทราบและเผยแพร่ต่อสาธารณะชน 6. สื่อสารสร้างความเข้าใจสาธารณะเพื่อนำไปสู่การสร้างความปรองดอง และ 7. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
นายนิกร กล่าว่า การประชุมครั้งต่อไปจะหารือเกี่ยวกับการไม่ให้กระทำความผิดซ้ำ และการคืนสิทธิ์บางประการ และพิจารณาถึงฐานความผิด โดยจะทำเป็นบัญชีแนบท้ายกฎหมาย ว่าประกอบด้วยความผิดอะไรบ้าง ที่จะนิรโทษกรรมให้ ส่วนคดีความผิดที่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จะนำไปพิจารณาวาระสุดท้าย เดิมที่ศึกษาตลอดมา 17 ฐานความผิดยังไม่มี แต่สนทนาเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เสนอมา ส่วนการตัดสินใจว่าจะรวมหรือไม่รวม ซึ่งตอนนี้ข้อมูลครบถ้วนแล้วแต่ตอนนี้มี 25 ฐานความผิด เป็นจำนวนคดีเท่าไหร่มีหมดแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเสนอว่าเราจะชี้ว่าให้มีฐานความผิดอะไรบ้าง 112 จะรวมหรือไม่ ยังอยู่ในการตัดสินใจ เข้าใจว่าสัปดาห์หน้าจะพิจารณาเรื่องนี้หรืออีกครั้งนึงก็จะจบแล้ว ซึ่งขณะนี้มีการทยอยเตรียมทำรายงานสรุปการประชุมแล้ว โดยรายงานของคณะอนุกรรมธิการได้สั่งทำแล้วจัดพิมพ์แล้วเหลือเพียงรายงานของคณะกรรมการชุดใหญ่ โดยคาดว่าจะเสนอได้ในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ หรือล่าช้าออกไปไม่เกิน 2 สัปดาห์
เมื่อถามถึง วาระการพิจารณาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นายนิกร กล่าวว่า คดีนี้จะมีการพิจารณาทีหลัง เพราะเดิมจากที่ศึกษามาใน 17 ฐานความผิดนั้นไม่มี แต่จากที่ทางศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเสนอมา เราก็นำมารวมอยู่ด้วยและจะต้องมีการตัดสินใจอีกครั้งว่าจะรวมหรือไม่รวมแต่ขณะนี้ข้อมูลครบหมดแล้ว เข้าใจว่าสัปดาห์หน้าก็จะมีการพิจารณาเรื่องนี้ แต่หากไม่ได้พิจารณาในสัปดาห์หน้าก็จะเป็นอีกสัปดาห์หนึ่ง
เมื่อถามว่า น่าจะเคาะได้เลยใช่หรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า น่าจะเคาะได้ ตอนนี้ตนเริ่มทำรายงานในส่วนของอนุกรรมาธิการและสั่งพิมพ์แล้ว เหลือเพียงแค่ชุดใหญ่ ตั้งใจไว้ว่าสิ้นเดือน ก.ค.จะสามารถเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของสภาฯ ได้ แต่หากไม่ทันก็อาจจะขยับไปไม่เกิน 2 สัปดาห์
เมื่อถามย้ำว่า จะเคาะเรื่องความผิดมาตรา 112 เลยใช่หรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า คณะกรรมาธิการพูดว่าจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะตอนนี้โครงสร้างเสร็จหมดแล้วและการร่างพ.ร.บ.นี้ต้องมีบัญชีแนบท้ายที่ว่าการจะนิรโทษกรรมจะรวมฐานความผิดอะไรบ้างเพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ส่วนที่ประชุมสภาฯ จะเอาอย่างไรก็แล้วแต่ ย้ำว่ากมธ.ชุดนี้มีหน้าที่แค่ชี้แนวทางในการทำร่างกฎหมาย ไม่ได้มีหน้าที่ยกร่าง